ที่สุดของปาหี่ ทุนนิยมและความจังไรทั้งหลายได้มารวมกันอยู่ใน Don’t Look Up ปิดท้ายปี 2021 ได้สวยงามอลังการ ตูมตามสูญสิ้นเผ่าพันธุ์กันเป็นว่าเล่น

 

หนึ่งคำถาม สามคำตอบ ถูกข้อเดียว เราจะตายเพราะอะไรก่อนกัน อุกกาบาตหรือทุนนิยม?
….อ้อ บรอนเทอรอค ส่วนรัฐบาลไม่มีอยู่จริง

ไม่ได้ขำอร่อยแบบนี้มานานมาก จิกกัดได้แสบสันชนิดที่ว่าเก็บทุกเม็ด ขำจนปอดหลุดกระดอนออกมาเต้นข้างนอกได้คงทำไปแล้ว Don’t Look Up จัดว่าเป็นที่สุดของปี 2021 ที่ปิดท้ายปีได้อลังการและสวยงามดุจดาวหางมฤตยู เป็นอีกเรื่องที่เราดูโดยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหนังเลย แต่ชิมแล้วติดใจมาก รู้แค่ว่าจะได้ดูแม่เคท เพราะรอมาพักใหญ่ แถมดูเป็นพากย์ไทยเสียด้วย ซึ่งต้องยอมว่าพากย์ไทยเรื่องนี้สุดจริง ไม่มีเสียอรรถรสแม้แต่นิด

ตอนแรกคิดว่าจะไม่เขียนถึงเรื่องนี้แล้ว เพราะคงไม่เหลืออะไรให้เขียน แค่ไปดูก็แทบจะได้ครบทุกอย่าง แต่ก็นะ ขอบ่นหน่อยละกัน เพราะ “Writing is Rewriting”

 


Don’t Look Up (2021)
ไม่เล่าเรื่องย่อ เพราะขี้เกียจ คนเล่าเยอะแล้ว

ปัญหาคือ ไม่รู้ว่าจะบ่นเรื่องอะไรก่อนดีสำหรับเรื่องนี้ มีตัวละครมากมายไปหมดที่นำพามวลมนุษย์ไปสู่ความฉิบหาย แต่พอจะเปิดปากด่าตัวละครโง่เง่าเหล่านั้นก็อาจต้องนั่งย้อนคิดสักนิดว่า ถ้ามีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นจริง เราจะกลายเป็นตัวละครแบบไหนในเรื่อง? …ปวดใจ กลัวได้เป็นคนเหี้ย

(บทความนี้ใช้คำหยาบได้ เพราะในหนังก็ใช้เหมือนกัน)

 


Look down, Look down, You’re standing in your grave.

เราไม่เคยเชื่อเรื่องผู้นำโง่ แต่เราเห็นด้วยเรื่องผู้นำเหี้ย Don’t Look Up เป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่นำเสนอภาพของผู้นำเหี้ยไปถึงไส้ถึงพุง ชนิดที่ว่าถ้ายังไม่รู้ว่าผู้นำเหี้ยเป็นยังไง คุณก็คือสลิ่ม เราพยายามคิดอยู่หลายรอบว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ใน Don’t Look Up คือผู้ร้ายอันดับหนึ่งของเรื่องจริงหรือไม่ มีคนอื่นที่ผิดเหมือนกันด้วยรึเปล่าแต่ลืมคิดถึงไป แต่ไม่ว่าจะตีลังกาคิดยังไง ความผิดทั้งหมดก็เริ่มต้นที่รัฐบาลเหี้ยอยู่ดี ที่บริหารโดยการมอมเมาและนำพามนุษยชาติไปสู่การล่มสลายด้วยคำว่า ‘ผลประโยชน์ส่วนตัว’ ไม่คุ้นเลยจริง ๆ

ซึ่งสุดท้าย ความฉิบหายทั้งหมดจะตกมาสู่ประชาชนทั้งมวล ผู้คนต่อสู้กันเองเพียงเพราะถูกมอมเมาให้หลงเชื่อ แบ่งฝักฝ่าย ทั้งที่ไม่ควรมี (ไม่คุ้นเลย) แสดงถึงช่องโหว่เล็ก ๆ ของประชาธิปไตยที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับคนบางกลุ่มที่ขึ้นมามีอำนาจ (ไม่คุ้นเลยจริง ๆ) หนังเรื่องนี้มองเผิน ๆ เหมือนด่าความเป็นอเมริกา แต่คิดว่าเหล่านานาชาติทั้งหลายต่างก็คงรู้สึกอย่างเดียวกันว่า คนเขียนมานั่งอยู่ในประเทศของตัวเองเป็นแน่

 


ขนาดจะสูญพันธุ์กันอยู่แล้ว ยังขนาดนี้ ไปรวมตัวกันในนรก มันจะขนาดไหน?

ถ้าอยากบอกลูกหลาน(หากยังมีเหลืออยู่) ว่าความจริงในยุคสมัยเราผู้คนเป็นยังไง เพียงแค่ฉาย Don’t Look Up ให้ดู

สำหรับเรา Don’t Look Up เหมือนบันทึกทางประวัติศาสตร์ เป็นเรื่องเล่าที่แต่งขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราวในยุคสมัยของเราโดยไม่หมกเม็ดใด ๆ และเหมือนความจริงมากจนแทบจะบอกได้ว่านี่คือความจริงที่เกิดขึ้น ไม่มีส่วนไหนในเรื่องเลยที่เรารู้สึกว่ามันไม่จริง นอกจากอุกกาบาตที่ยังไม่เกิด

รัฐบาลที่เห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเองดีลลับกับทุนนิยมที่ขึ้นชื่อว่าเห็นแก่ผลประโยชน์เหมือนกัน (ไม่คุ้น) ทำทุกอย่างโดยไม่สนใจประชาชน (ไม่คุ้นเลย) ประโยชน์การมีอยู่ของนายพลชั้นสูงที่ไม่รู้ว่าเก็บภาษีเราไปทำไม! (ไม่-คุ้น-เลย) ความน่าเชื่อถือของผู้คนวัดกันที่ชื่อสถาบันการศึกษา (ไม่ ไม่จริง) เทคโนโลยีและทรัพยากรขาดแคลนที่อาจกำลังนำพามนุษย์เข้าสู่สงครามโลกครั้งใหม่ (ไม่คุ้นเลย) ความงี่เง่าของผู้คนที่เกิดขึ้นได้เพราะความหลากหลายและถูกมอมเมาให้เพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงและสนใจเพียงสิ่งไร้สาระหรือข่าวดาราเลิกกัน แล้วพวกเหี้ยก็ดีใจ เพราะปรัชญาการปกครองแบบโกงกินคือโง่แล้วปกครองง่าย (ไม่คุ้นเลยจริง! จริง!) ภาพความต่างของเจเนอเรชั่นที่ที่นับวันจะห่างขึ้นเรื่อย ๆ และไม่เหลือการประนีประนอมอีกต่อไปแล้วในยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่านโคตรไว (โคตรขำ) Rip การล่มสลายทางคุณประโยชน์ของสื่อสารมวลชนทั้งมวลอันถูกใช้เป็นเครื่องมือกล่อมให้ประชาชนโง่ ทั้งความผิดของสื่อที่แค่สนใจแต่เรตติ้งกับรัฐบาลที่เข้าไปควบคุมมัน (ก็ยังไม่คุ้นอยู่ดี) เจ้าของบริษัทเทคโนโลยีที่เหมือนเด็กเล็กกับของเล่นราคาแพง (ไม่มัส- เอ้ย ไม่คุ้นเลย) มนุษย์ที่แดกยาแทนข้าว ทุกสถานการณ์ต้องการฮีโร่ อำนาจรัฐลับ ๆ กับถุงดำคลุมหัว ชวนกันไปปรับทัศนคติ (ไม่- ยังไม่คุ้นอีกเหรอมาถึงขนาดนี้แล้วเนี่ย!)

ทั้งหมดนี้แทบจะเป็นตัวแทนจริงแท้ของยุคสมัยเราอย่างปฏิเสธไม่ได้ แล้วเราก็นั่งขำกับมันได้ทุกเม็ดเพราะมันจริง เราตลกได้เพราะเราเข้าใจมัน! โคตรถ่องแท้

 


Look down, look down, But don’t look at her teeth!

เราว่าความสนุกคูณล้านของ Don’t Look Up นอกจากเนื้อเรื่อง จังหวะ ความจิกกัดของเรื่องนี้อยู่ตรงที่การเอาอภิมหาดาราแนวหน้ามายำรวมกันได้สมกับความตูมตามของดาวหาง มฤตยู อุกกาบาตทำลายล้างโลกหรืออะไรก็ช่าเถอะ ยังไงเราก็ตายอยู่ดี

ทุกคนเหมาะกับบทมากและการแสดงเป็นสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลย แคสติ้งทำงานดีมากกกกกกกกกกกกกก ใจกล้ามาก ทุ่มทุนมากที่นำทัพดารามาขนาดนี้ เพราะถ้าไม่สนุก เล่นใหญ่ก็ต้องเจ็บใหญ่ ซึ่งทำให้ Don’t Look Up กลายเป็นหนังคุณภาพคับแก้วอย่างไม่ต้องสงสัย เรานึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าไม่ได้ดาราเซทนี้มาเล่น ความปั่นเบอร์นี้ จะเป็นใครได้อีกและจะขำตกเก้าอี้ได้เท่านี้ไหม

เช่น ไม่ว่าจะเห็น ลีโอนาโด ระเบิดอารมณ์มากี่ในหนังสักเรื่อง แต่มาเจอระเบิดใน Don’t Look Up เข้าไป ยังไงก็ขำขี้แตกและยังคงความน่าจดจำเอาไว้ได้ ทุกฉากมันแทนใจไปเสียหมด

ส่วนตัวแล้วความแทนใจต้องขอยกให้ Kate Dibiasky (Jennifer Lawrence) กับทุกประโยคที่บ่นถึงนายพล เพราะไอ้ประเภทย้ำคิด ย้ำไป ย้ำมา ไม่จบ ไม่สิ้นตราบยังไม่หายสงสัยกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างไม่สนใจเวร่ำเวลานี่มันใช่เลย It’s me!!! ฉันเอง เห็นแล้วขำไม่ไหว

ใด ๆ ทุกวันนี้ยังลบภาพรอยยิ้มตีหน้าโง่กับฟันขาวของแม่เคทที่สว่างไสวยิ่งกว่าอนาคตเราไปจากสมองไม่ได้

ถ้า Don’t Look Up ไม่ใช่หนังแห่งศตวรรษนี้ แล้วมันจะเป็นเรื่องอะไรไปได้อีกล่ะ

 

Look down, Look down, You’re here until you die

ปล. RIP สำนักข่าวคือโคตรปั่น


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น