Oxygen (2021) เพราะ O2 คือส่วนหนึ่งของ.......อะไรนะ? ตอบครูให้ดังกว่านี้สิคะนักเรียน



Oxygen (2021) หนังฝรั่งเศสเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองติดอยู่ในกล่องที่มีออกซิเจนจำกัดเพียง 35% และเธอต้องหาหนทางเอาตัวรอดให้ได้ จากนี้เราจะขอเรียกเธอว่า “ลิซ” เพราะเธอชื่อ "ลิซ"

ความน่าสนใจของเรื่องเอาชีวิตรอดแนวนี้อยู่ที่ตัวเรื่องกำลังจะเล่าประเด็นอะไร และเล่าด้วยกลวิธีใด เพราะผู้ชมส่วนใหญ่ คงเดาทางหนังแนวนี้กันออกหมดแล้ว โดยเฉพาะเมื่อตัวเรื่องเองก็ไม่ได้ปิดบังซ่อนเร้นปริศนาอะไรมาก แทบจะกางพล็อตเฉลยอยู่ตลอดทั้งเรื่อง มันจึงไม่ใช่หนังที่ดูยากอะไร


Oxygen (2021)

ดังนั้นความน่าสนใจของ Oxygen (2021) จึงไม่ได้อยู่ที่ความตื่นระทึก แต่อยู่ที่การชักชวนพาเราไปสืบหาเรื่องราวที่มาที่ไปและหนทางของตัวละคร “ลิซ” มากกว่า และแอบรู้สึกว่าอารมณ์ในช่วงท้าย ๆ ของเรื่องชวนให้นึกถึง Gravity (2013) ที่ Sandra Bullock เล่นอยู่ไม่น้อย แต่ความกดดันและความเข้มข้นชวนระทึกก็ดูจะต่างกันออกไปคนละทางเลย

เนื้อเรื่องมีเหตุการณ์เกี่ยวกับไวรัส อากาศและความป่วยไข้ ซึ่งทำให้คนดูรู้สึกเชื่อมโยงกับสถานการณ์โควิด 19 ในปัจจุบันด้วย พร้อมด้วยชื่อเรื่องว่า O2 หรือ Oxygen ซึ่งเรามองว่าเรื่องนี้มันแฝงธีมได้แยบยลดี ไม่ใช่แค่ในแง่ของอากาศหรือไวรัส แต่ยังสามารถพาเราตั้งคำถามไปถึงสิ่งที่ลึกกว่านั้นได้

เริ่มด้วยการพาเราติดตามปริศนาของตัวละคร แล้วเผยให้เห็นการเลือกในเวลาจำกัด ตอนที่ตัวละครเข้าใจเรื่องทั้งหมด ตอนที่ลิซปลดล็อกความสงสัยแล้วรอจนถึงจุดวิกฤติถึงจะปล่อยให้ตัวละครพูดธีมนั้นออกมา นับว่าเป็นสิ่งน่าสนใจ

เรื่อง Oxygen ทั้งตั้งคำถามถึงการมีตัวตน ความสำคัญ และการมีอยู่ เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่หนังชวนให้เรารู้สึกว่างเปล่าไปพร้อมกับตัวละคร มันก็แอบสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย เมื่อลิซตระหนักถึงคุณค่าในตัวเองแล้วบอกกับเลโอว่า "เราพยายามมีลูก แต่ไม่เคยมีเพราะมองว่ามันไร้เหตุผล มันบ้าที่ตอนนี้ฉันรู้สึกถึงความว่างเปล่าในตัวเอง"

แล้วภาพยนตร์เอาชีวิตรอดก็เปลี่ยนไปตั้งคำถามว่า ‘ลิซจะเลือกอย่างไร? ’ ตัวเลือกนี้เอาที่ทำให้เรารู้สึกลุ้นกับหนทางของตัวละคร เพราะเป็นเราคงถูกความรู้สึกว่าเปล่านั้นเล่นงานไปแล้ว แต่สิ่งที่ตัวละครเลือกกลับเป็นธรรมชาติมาก ๆ

ซึ่งในขณะเดียวกัน เราก็ไม่สามารถทอดทิ้งความหวังและแรงจูงใจของหญิงแก่ในสายโทรศัพท์ไปได้ มันมีทั้งความคาดหวังที่ไม่รู้ชะตาและความปราถนา สมเป็นมนุษย์จริง ๆ

เป็นเรื่องหนึ่งที่เกาะธีมไว้แน่นมาก บทไม่ถึงกับดีเลิศ แต่จัดได้ว่ากลมกล่อมทีเดียว และไม่น่าเบื่อสำหรับเรา พาไปเข้าใจความจำเป็นของตัวละครได้อย่างดี


ใครที่ชอบหนังเอาชีวิตรอดที่ออกแนวปรัชญาชีวิตหน่อย ๆ ก็น่าจะพอใจกับหนังเรื่องนี้ และอย่างที่บอกว่าตัวเรื่องไม่ได้มีจังหวะที่ตื่นระทึกมากนัก แต่มีความน่าสนใจ

ข้อเสียก็เหมือนกับเรื่องอื่น ๆ คือบางฉากบางตอนของตัวละครและบทสนทนาที่ดูหงุดหงิดน่ารำคาญ จากมุมมองของคนดูที่อยากให้รีบ ๆ พูดออกมาใจจะขาด แต่เราจะรำคาญเธอลงได้ยังไง เมื่อคนที่กำลังจะตายคือเธอ ไม่ใช่เรา และทุกคน เกลียดความไม่รู้

สิ่งที่ทำให้เราประทับใจเรื่องนี้มากที่สุดคือ เทคโนโลยีที่เลโอสามีนางเอกเป็นคนออกแบบ เราอยากเห็นมากว่าเจ้าเทคโนโลยีที่มีลักษณะคล้ายใบพัดนั้นคืออะไร อยู่ในส่วนไหนของกระบวนการนี้ ยิ่งเมื่อมันมีต้นแบบมาจากเมล็ดพันธุ์ และมันถูกเรียกว่า "..การเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเรา" ถึงฟังก็ยังไม่รู้สึกกระจ่างชัด จนเมื่อได้เห็นการทำงานของมันถึงอดรู้สึกทึ่งไม่ได้


สุดท้ายกระบวนการมีชีวิตเจ็บปวดเสมอ แต่ฉันไม่ชอบความเจ็บปวดของเธอเลยลิซ เสียวไส้


Who brought that painting out?
ราตรีสวัสดิ์ ชาวค่าย

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น