สรุปให้ตรงนี้เลยสำหรับคนที่หลงเข้ามาแล้วขี้เกียจอ่านยาว ว่าซีรีส์เรื่องนี้ดี นรกคือคนอื่นมันดี สนุกดี มีส่วนให้ตีความได้น่าสนใจดี ตัวละครดี นักแสดงดี หลอนดี โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยดูซีรีส์ จิต ๆ หลอน ๆ แนะนำให้ระวัง เพราะเพิ่งรู้ว่ามีคนกลัว สำหรับคนที่ดูอะไรแบบนี้บ่อย ๆ ชินแล้ว ก็ใช้ได้อยู่ ปวดตับ ที่เหลือของบทความต่อจากนี้ เขียนขึ้นเพื่อด่าส่วนที่ขัดใจล้วน ๆ ตามมา
บ่น ๆ ฝอย ๆ หลังดู “นรกคือคนอื่น” ดูตั้งแต่ธันวาปีที่แล้ว เพิ่งมีสติลงบทความมีนาคมปีนี้ คุณพรี่คะ อีนี่มันดองบทความค่ะ!
ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะชื่อ “นรกคือคนอื่น” และโดยเฉพาะในช่วงแรก จะนำเสนอเรื่องนรกคือคนอื่นออกมาได้ดี แต่ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่า นรกคือคุณเองนั่นแหละค่ะ คุณพระเอก โคตรน่ารำคาญ
นรกคือคนอื่น ทุกครั้งที่ประโยคนี้ปรากฏขึ้น เราจะนึกถึง No Exit ของซาร์ต แน่นอน เพราะตัวใจความของเรื่อง No Exit คือ ‘นรกคือคนอื่น’ ซึ่งคิดว่าคงเป็นคอนเซปเดียวกันกับ “นรกคือคนอื่น” ในเรื่องนี้
เกริ่น No Exit
ในเรื่อง No Exit คือเรื่องของคนสามคนที่นั่งอยู่ในห้องเดียวกัน ซึ่งติ๊งต่างว่าเป็นนรก และเราจะเข้าใจกันต่อไปว่า นรกในที่นี้ไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นผู้คน ตัวละครทั้งสามจะนั่งเถียงกัน แล้วกล่าวโทษกันไปมา ทุกคนต่างทุกข์ระทมจากกันและกัน ทุกตัวละครทรมาน ไม่มีใครชอบการมีปากเสียงนั้น แต่ไม่มีใครหยุด หรือคิดจะเดินออกไปจากสถานที่แห่งนั้น
“ถ้ามันเป็นนรก ประตูเปิดอยู่แล้วทำไมคุณไม่คุณไม่เดินออกไปล่ะ”
อันชิ้นเป็นงานที่น่าจดจำ ถูกหยิบมาวิพากษ์วิจารณ์ครั้งแล้วครั้งเล่ามาจนถึงปัจจุบัน
“ถ้าคนในหอมันไม่ดี จะทู่ซี้อยู่ทำไม? “
จากที่เอาใจช่วย แต่หลังจากดูไปได้สัก 3-4 ตอนเราจะเริ่มรู้สึกเหมือนแฟนพระเอกว่า… “ถ้าคนในหอมันไม่ดี จะทู่ซี้อยู่ทำไม? “
ซึ่งการพูดแบบนี้ก็ดูออกจะใจร้ายเกินไปหน่อย เพราะตัวเรื่องและตัวละครพระเอกเองก็เป็นภาพแทนของชนชั้นแรงงานต่างจังหวัดที่ต้องเข้ามากระเสือกกระสนในเมืองใหญ่ ไม่มีสิ่งใดง่ายสำหรับคนที่ต้องสู้ชีวิตและชีวิตมีข้อแม้มากมาย สำหรับการที่คนจนสักคนจะก้าวไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีกว่า
เมื่อไม่มีเงิน หนทางเลือกมันก็น้อยลงไป จะเลือกทำอะไรก็ต้องอยู่ในข้อจำกัดที่จำกัดจำเขี่ย ซึ่งพูดกันตามจริง ถ้าจนทุกอย่างมันก็เป็นนรกไปหมดแหละ หายใจเข้าออกแต่ละทีก็ต้องห่วงว่าจะมีกินรึเปล่า นี่แหละคือความดักดานของชนชั้นคนส่วนมากบนโลกใบนี้
ถึงอย่างไรซีรีส์เรื่องนี้ก็ทำได้ดีเลยนะ น่าสนใจตั้งแต่ตอนยังเป็นคอมมิก สร้างฉาก ตัวละครและเรื่องราวออกมาได้หลอนมาก ๆ แต่เสียไปอย่างเดียวคือข้อแม้ของตัวละคร ที่จำเป็นจะต้องกักขังพระเอกไว้กับหอโทรม เพื่อดำเนินไปสู่ตอนจบและฉากฆาตกรรม แต่ภายใต้ข้อแม้ของพระเอก (ในเรื่องนี้!!!! เท่านั้น!!!!) มันมีช่องโหว่ในความคิดเรา
ดักไว้ก่อน ตรงส่วนนี้เราไม่ได้ดูถูกนะ เพราะมันมีคนที่ต้องอยู่อย่างไม่มีทางเลือกจริง ๆ เพียงแต่เรามองว่ากรณีของพระเอกยังเลือกได้ และไม่ใช่คนที่ไร้ทางเลือกขนาดนั้น
นั่นเพราะทุกคนมีความเป็นเสรีอยู่ในตัว เรามีหัวใจที่พร้อมจะปลดแอก แม้พระเอกจะทนอยู่หอต่อเพราะความจำกัดจำเขี่ย แต่ในท้ายที่สุด เมื่อทนไม่ไหว พระเอกก็เลือกที่จะเดินหนีอยู่ดี และพระเอกยังมีตัวละครที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเขาได้ แต่กลับไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากคนเหล่านั้น หรือรับความช่วยเหลือ มีทางเลือกที่จะกลับไปจนที่บ้าน มีแฟนอยู่เมืองกรุง ทำไมไม่ขอให้แฟนแนะนำย่านที่อยู่อาศัย เราได้แต่ถามตัวเองว่าทำไม ๆ ๆ
แล้วทำไมแกไม่ออกมาแต่แรกฟะ ไม่สิ! แกไปอยู่ที่นั่นแต่แรกทำไม คนบ้าที่ไหนพาตัวเองไปอยู่หอแบบนั้น
ในสามัญสำนึกของคนเรา ถ้าไม่ถึงจุดที่สิ้นไร้ไม้ตอกจริง ๆ เราคงไม่เลือกอยู่หอนี้ไหม ทำไมเราถึงพาตัวเองไปอยู่ในที่น่ากลัวและสุ่มเสี่ยงอย่างนั้น ยอมจ่ายแพงกว่านิดหน่อยเพื่อหอที่ให้ความรู้สึกว่าปลอดภัยกว่า ไม่ดีกว่าเหรอ เพราะถึงอย่างไรก็กำลังจะเริ่มงานใหม่อยู่แล้ว พอมีเงินมาจ่ายค่าห้อง
“ถ้าคนในหอมันไม่ดี จะทู่ซี้อยู่ทำไม? ” ถ้าจำไม่ผิด พระเอกตอบคำถามนี้ไม่ได้
ลองคิดเล่น ๆ ว่ามันจะน่าสนใจขนาดไหน หากหอดูดีกว่าที่เห็นในเรื่อง แต่มันแย่เพราะคนรอบ ๆ ที่อยู่ร่วมกันจริง ๆ มันคงเป็นการเลี้ยงให้พระเอกตายใจด้วยสถานที่ แล้วก็ล่อเชือด ซึ่งตรงนี้อาจจะแก้ข้อแม้ของเรื่องได้ก็ได้ว่า “ฉันเลือกหอดีแล้วนะแก แต่คนในหอมันเลวเอง” แต่ก็คงแลกกับภาวะกดดันที่น้อยลงด้วยรึเปล่า? ไม่รู้ค่ะ ไม่ใช่คนเขียนบท
คุณหมอ คุณที่รัก
สิ่งที่เราเดาไว้แน่ ๆ คือ หมอน่าจะเป็นจิตอีกด้านของพระเอก อารมณ์เหมือนไฟต์คลับ แต่เพราะหมอมีเลือดเนื้อจริง ๆ และคุณตำรวจสาวแสนเก่ง ผู้ทำงานคุ้มค่าทุกภาษีประชาชนไม่เหมือนตำรวจในประเทศแถวนี้ ก็ได้เจอหมอจริง ๆ มันจึงเป็นการลุ้นที่เราไม่กล้าตัดสินใจว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร จะทำให้เราเห็นว่าตัวหมอกับพระเอกคือคนคนเดียวกันได้อย่างไร
ซึ่งก็ถือว่าทำได้โอเคเลยนะ ไม่ได้คาดเดายากเกินไป แต่ก็ช่างคิด ช่างสรรหา กล้าที่จะหยิบมาใช้ และที่รักก็ได้อยู่ด้วยกันจริง ๆ ตามที่หมอพูด
อีกมุมที่เราลุ้นให้มันจบตามที่คิดคือ เรื่องทั้งหมดเป็นแค่นิยายที่พระเอกเขียนขึ้น โดยหยิบเอาคนในหอนั่นแหละมาเขียน แต่เขียนไม่จบ เลยโดนตัวละครหลอกหลอน ว่าเรื่องจริงมันเกิดขึ้นไปไหนแล้ว แต่แกเขียนไม่ไปถึงไหนสักที นรกจึงเป็นคนอื่นอะไรแบบนั้น เป็นบ้า เพราะเก็บ plot ไว้ในหัวเยอะเกิน ตัวละครออกมาตีกับชีวิตจริง เพราะจนจะจบเรื่องก็ยังไม่เห็นงานเขียนของนางเลย แต่พูดบ่อยเหลือเกินว่าฉันเป็นนักเขียนนิยาย
แต่ดอกนี้ก็จุก…เป็นนักเขียนที่ไม่ได้เขียน จะหัวเราะก็ได้ แต่ก็น่าสงสาร เพราะการจะเขียนงานในที่แบบนั้นได้ พร้อมกับต้องไปทำงานทุกวัน มันไม่ใช่แวดล้อมที่ดีต่อการเขียนงานเลย ทั้งสถานที่และจิตใจ
แต่เกลียดที่สุดคือการที่พระเอกเข้าโรงพยาบาลในตอนจบแล้วยังใส่ สร้อยข้อมืออันนั้นของไอ้คุณหมอสุดหล่ออยู่ นอกจากคำถามว่าเพื่อออออออะไรคะคุณพี่? ก็คือตำรวจไม่คิดจะเก็บหลักฐานกันหน่อยเหรอคะ? โรงพยายามไม่คิดจะถอดเครื่องประดับคนไข้หน่อยเหรอคะ? ไม่มีใครคิดจะทำอะไร กับอีสร้อยกระดูกฟันอันแปลกประหลาดของชายคนนี้หน่อยหรือเจ้าคะ? ถามจริง???
และการที่รุ่นน้องทหารเกณฑ์พาตัวเองไปตายด้วยฤทธิ์สุรา คือความโง่เง่าที่สุดของเรื่องนี้อย่างแท้จริง
ตอนไป พร้อม เหมือนเป็นคนช่างระวังตัวมาจากท้องแม่ แต่พอเดินเข้าห้องแล้วเห็นขวดน้ำแปลกประหลาดเข้าหน่อย สมองก็สั่งการทันทีว่า… “หยิบมาดื่มหน่อยก็ดีนะ” บ้าไปแล้วจริง ๆ แบบงง ๆ งงมาก หยิบมาดื่มทำไม เพิ่งกินกันมาไม่ใช่เหรอ? อะไรทำให้แกรู้สึกสะดวกใจกับการดื่มของจากที่แบบนั้นในสถานที่ ซึ่งแกได้ยินสมญานามของมันมาครบถ้วนแล้วจากคุณรุ่นพี่ของแก เมื่อสิบนาทีก่อน งงจริง งงมาก เป็นตัวละครที่ง่อยมาก ง่อยจนไม่รู้ว่าบทเขียนเขาขึ้นมาทำไม มีประโยชน์อะไรในที่แห่งนี้
หรือว่า???? การเกณฑ์ทหารมันทำให้…..ฮ่า ๆๆ
สรุปแล้ว ขอบคุณสวรรค์ถึงตรงนี้สักที คนอ่านคงจะคิดกันแบบนี้แหละ
โดยรวมถือว่าทำได้ดีเลยนะ วังวนดี (เอ้า อีนี่ ตบหัวแล้วลูบหลังเหรอ?) เคยอยากอ่านตอนเป็นการ์ตูนมานานแล้วเพราะเรื่องน่าสนใจ แต่ไม่ได้อ่านก็ข้ามมาดูซีรีส์แทน นักแสดงเล่นดีด้วย เกลียดทุกตัวละครเลยยกเว้นคุณตำรวจสาวแสนเก่ง ทำงานแสนคุ้มภาษี
อันหนึ่งที่เรื่องนี้ทำได้ดีคงจะเป็นตอนที่น้องของเราบอกว่า มันหลอนมาก นั่นอาจเพราะมันมีฉากรุนแรง และนักแสดงที่เขาชอบรับบทตัวละครจิตไม่ปกติ อย่างที่เตือนไว้ตอนแรก ใครที่ไม่ถูกกันหนังแนวนี้ จิต ๆ หลอน ๆ และขวัญอ่อน ทำใจไว้หน่อยก่อนดู เพราะสิ่งที่น่าอ้วกจริง ๆ คือ Wrong Wurn ค่ะ สวัสดี
พูดถึงนรกคือคนอื่นแล้วก็แถม …รอมคอมน่ารักจาก อลิส วู ‘The Half of It’ ซึ่งพูดถึง ‘นรกคือคนอื่น’ ของซาร์ตเหมือนกัน แต่เป็นในแง่มุมของการค้นหาตัวตน
ความเข้ากันของบทความนี้มันอยู่ตรงไหนนะ? เก็บไว้ดูล้างตา หลังดูนรกคือคนอื่น หรือ Wrong Wurn ก็ได้
We're square. Nothing owed, nothing left to say
แล้วเจอกอย
0 ความคิดเห็น