รีวิว Jingle Jangle: A Christmas Journey (2020) ความเป็นไปได้และแรงบันดาลใจจากความเชื่อ เอาชนะความเป็นไปไม่ได้สองพันปีในเสี้ยววินาที เราว่ามันคือปีเตอร์แพนของคนผิวดำ หนังคริสต์มาสอีกเรื่องที่สนุกและไม่บ้งของ Netflix
ยอมรับว่าถ้าดูตอนเด็กจะต้องอินไปกับโลก Steampunk ของเรื่องนี้แน่นอน แอบตกใจนิด ๆ ที่มันเป็น Musical ตอนตัวละครร้องครั้งเพลงแรกเลยไม่ทันได้ตั้งตัว
Jingle Jangle: A Christmas Journey (2020)
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกันนักประดิษฐ์ หรือถ้าพูดให้เห็นชัดอีกนิดก็คือคนทำของเล่นที่ความคิดของเขาสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ แต่แล้วในวันหนึ่งเขาก็สูญสิ้นทุกอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวทมนตร์ในการสร้างสิ่งมหัศจรรย์ ซึ่งไม่ใช่เวทมนตร์จริง ๆ นะในเรื่องนี้
เป็นละครสุขนาฏกรรมในวันคริสต์มาสที่เราดูแล้วไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นเทศกาลคริสต์มาสเท่าไหร่ แต่เป็นหนังที่เด็ก ๆ หรือคนวัยอื่น ๆ สามารถดูได้อย่างมีความสุขในช่วงเทศกาลวันหยุดหรือในวันหนาว ๆ แน่นอน
ปีเตอร์แพนผิวดำ
สิ่งที่ทำให้เราสนใจเรื่องนี้ในตอนแรกคือตัวละครที่เป็นผิวดำทั้งเรื่อง ไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่ง แต่เป็นตัวละครหลักทั้งหมด มีสัดส่วนคนผิวขาวด้วยแต่ไม่ใช่ตัวละครหลัก มันทำให้เรานึกถึงเด็กผิวดำที่ได้ดูเรื่องนี้ มันคงเป็นความรู้สึกเดียวกับที่เด็กผิวดำได้ดู Black Panther อะ แบบ “เนี่ย มันมีฮีโร่ที่สีผิวเดียวกับพวกเขานะ” นี่ก็เป็นแฟนตาซีที่มีสีผิวเหมือนพวกเขา แล้วพอยิ่งมีพากย์ไทยมันแบบ… เห้ย เราได้ดูโปรดักชั้นหนัง Musical ที่มีตัวละครผิวดำและเป็นพากย์ไทยอะ แล้วทั้งพากย์และเพลงคือทำได้ดีเลยนะ โปรดักชันไม่กิ๊กก๊อกอะ เริ่ด รู้สึกขอบคุณ Netflix ไทย เราว่ามันเป็นอีกก้าวของการเปลี่ยนไปสู่มาตรฐานใหม่ที่จะทำให้เราคุ้นเคยกับภาพของความหลากหลาย ดีใจที่มันเกิดขึ้นด้วยในภาษาไทยอะ (เวอร์ไปปะ 555)
มันไม่ใช่แค่หนังที่เราเห็นคนผิวดำต่อสู้กับสังคมของการเหยียดหยาม แต่มันคือหนังที่มนุษย์ที่มีผิวสีดำมีความสุข มีชีวิตในมุมอื่น ในแบบที่ไม่ต้องเรียกร้อง พวกเขาก็มีสิทธิ์จะเล่าเรื่องอื่น ไม่ใช่เป็นสัญลักษณ์หรือตัวแทนของการถูกเหยียดที่อยู่บนจอเท่านั้น เป็นเรื่องที่ไม่พูดถึงการเหยียดผิวเลย ซึ่งตรงนี้มันเป็นหนังที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันเหมาะกับความเป็นคริสต์มาส ไม่ใช่ในเชิงเทศกาล แต่ ‘เป็น’
กับการที่เราบอกว่ามันเป็นปีเตอร์แพนผิวดำ มันไม่ใช่การเอาไปเปรียบเทียบกันนะ แต่มันเป็นความรู้สึกเหมือนกับครั้งที่เราดูปีเตอร์แพน ด้วยภาพฝัน ด้วยเวทย์มนต์ของเรื่องกับความเชื่อของมันทำให้เรารู้สึกเหมือนมันเป็นปีเตอร์แพนในฉบับผิวดำ แน่นอนก็มันเป็นแฟนตาซี แล้วแกจะบ่นทำไมเนี่ย!
สุดซอย
ถึงเรื่องนี้จะเป็นแฟนตาซีที่โอเค สนุกแต่ก็มีสิ่งที่เราขัดใจอยู่นะ มันคือการแสดงที่เล่นใหญ่ระดับละครเวที เห็นแล้วหมั่นไส้ความดี้ด้าของตัวละคร แอบรู้สึกต่างจากหนัง Musical เรื่องอื่น ๆ ที่คุ้นเคย มันเป็นสุขนิยมที่ตัวละครไปสุดมาก แถมยิ้มแย้มได้ปลอมสุดๆ
พอมันมาอยู่บนจอแทนที่จะเป็นบนเวที มันเลยทะลักความจริงไปไกลเลย ภาพเรื่องนี้มองดูแล้วเหมาะกับละครเวทีมากนะ
งานกำกับมันดูเป็นละครเวทีอะ ทั้งภาพ การแสดง ความรู้สึกเหมือนกำลังดูบันทึกการแสดงละครเวทีโปรดักชันใหญ่ ๆ มากกว่าดูหนัง ก็เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ดี แค่ขัดใจความสุขของตัวละครเท่านั้นเอง (อีไม่มีหัวใจ 5555)
แต่ถ้าไปอยู่บนเวทีจริง ๆ ก็ไม่อยากนึกเลยว่าโปรดักชันละครจะต้องมหัศจรรย์เบอร์ไหนถึงจะสร้างฉากที่มันเวอร์วังขึ้นมาได้ 555
แล้วพอเขียนบทความเสร็จก็ไปดูชื่อผู้กำกับ David E. Talbert สรุปว่าผู้กำกับเป็นนักเขียนบทละครเวทีผิวสีค่ะ ปิดคดีความสงสัย แปลว่าสิ่งที่รู้สึกคือเรื่องจริง เล่นใหญ่บรอดเวย์มาก
Don't think you'll be needing an umbrella
แล้วเจอกอย
0 ความคิดเห็น