Shappic ดีมากก เรือแบบแล่นปุ๊บแล้วคว่ำปั๊บ Final Season จบแล้ว ..สักที วายป่วงกันมานาน แต่ทำไมฉันแอบเสียดาย เพราะเรือฉันมาใส่เกียร์ตอนจบหรอ?
How to Get Away with Murder Season 6 บทความนี้อาจไม่มีสาระเกี่ยวกับเนื้อเรื่องมาก เพราะกว่าจะถึงSeason 6 ดิฉันได้ลืม Season 1-5 ไปแล้วเรียบร้อย นานจัด ข้อมูลก็เยอะจัด ตัวละครเยอะจัด ลืมไปหมดแล้วจ้าเพราะเป็นมนุษย์ความจำสั้น จะเน้นเขียนเป็นภาพรวมใหญ่ ๆ ตามหัวข้อที่สนใจ ยังจำได้ + หวีดทีแกน ไพรซ์! เมนอันเป็นที่รัก แล้วกัน ถ้าขาดตกผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วย
อาจมีการเปิดเผยเนื้อหาในเรื่องนะจ๊ะ ถ้ายังไม่ดูแล้วจะอ่านก็ระวังกันหน่อย มีหลุดสปอยข้างล่างแน่นอน
ฆาตกรรม กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม อำนาจ
How to Get Away with Murder ตัวเรื่องนี่น่าจะรู้กันอยู่แล้วล่ะว่ามันเป็นซีรีย์ “ปริศนาฆาตกรรม” ที่ค่อนข้างเข้มข้นพอสมควรและชอบทำให้คนดูสงสัย ติดตาม แล้วตัดจบ …..เหมือนกันทุก Season แล้วดูชื่อผู้สร้างสิ Peter Nowalk (ผู้สร้าง Grey’s Anatomy) ไปสาปแช่งกันได้
แต่กระนั้นก็เป็นเรื่องหนึ่งที่น่าติดตาม แต่เหตุผลจริง ๆ ที่ทำให้ดูเรื่องนี้คือ Viola Davis ไม่รู้ทำไม แต่ชอบงานที่เขาแสดง รู้สึกตกหลุมรักตั้งแต่ The Help สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้จากการแสดงของ Viola Davis คือความขมขื่นที่ขุดขึ้นมาจากลำไส้ใหญ่ ว่าไปนั่น
ที่น่าสนใจอีกอย่างของเรื่องนี้ ไม่ได้อยู่ที่การสืบสวนคดีฆาตกรรมนะ แต่เป็นการไปสู้กันบนชั้นศาลแล้วพลิกแพลงคดี (เออ ก็ตัวละครเป็นทนาย) หาเรื่องเล่าที่ดีที่สุดให้ผู้พิพากษากับคณะลูกขุนฟัง ซึ่งพอเราดูจนถึงตอนจบ มันทำให้เรานึกถึง Legal high ที่เป็นซีรีย์(ตลก)ญี่ปุ่น แล้วพระเอกเป็นทนายลิ้นปลาไหลที่กวนส้นตีนที่สุดแห่งสหัสวรรษที่ช่วยให้คนผิดพ้นคดีได้เสมอ โดยสนอย่างเดียวคือ..เงินกับชัยชนะ แม้จะเป็นซีรีย์คนละสไตล์แต่ใจความของสองเรื่องนี้คือสิ่งเดียวกันเลย
“ทำยังไงให้หลุดพ้นจากคดีฆาตรกรรม”
เนื้อแท้ของมันอ่ะ คือการตั้งคำถามถึง “กฎหมาย อำนาจและความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย” ยอมรับว่าดูจบแล้วมันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะเรารู้ว่าแอนนาลิสไม่ได้ฆ่าใครเลยและเธอไม่ผิด แต่ขณะเดียวกัน เธอก็ช่วยฆาตรกรปกปิดคดีฆาตรกรรม แล้วฆาตกรอ่ะ ก็ไม่ได้โดนจับ ซึ่งถ้าจะให้พวกเขาโดนจับ…เราก็ไม่ยอมเหมือนกัน เพราะมันไม่ใช่ความผิดพวกเขาทั้งหมดอ่ะ บางครั้งก็แค่ซวย แก้แค้นและอีกเยอะแยะซึ่งจำไม่ได้
แต่เอ๊ะ สรุปแล้วมันควรเป็นอย่างไร มันเลยเป็นคำถามว่า…จริง ๆ แล้วกฎหมายที่ยึดกันอยู่นี้มีไว้จับใคร? แล้วจับไปเพื่อใคร? คือมันก็มีเรื่องของหลักนิติธรรมเข้ามาเกี่ยว ซึ่งฉันไม่สามารถเถียงกับตัวเองในหัวข้อนี้ได้ ไม่งั้นอกแตกตาย ไม่มีความรู้และฉันสับสนในตัวเอง ดังนั้นได้โปรดอ่านความสับสนนี้ต่อไป
…ซึ่งคดีแรกของเรื่องอ่ะ เรามองว่ามันเป็นการทำเพื่อปกป้องตัวเองจริง แต่ทั้งเรื่องต่อจากนั้นมันไม่ได้มีคดีเดียวไง มันก็เลยกลายเป็นด้านมืดอีกด้านของตัวละครที่มักชอบปกปิดมากกว่าแจ้งความจริง หวาดกลัว มันเลยเป็นอะไรที่….ก็นะ เออ
แต่สุดท้ายฆาตกรที่เป็นตัวละครหลักในเรื่องนี้ก็มีจุดจบลงที่ความตายนะ ตอนจบอ่ะ คือไร? ให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมมันเน่าเฟะ ทำไรไม่ได้ เป็นแค่เกมการแข่งขัน ชนะรอดคุก แพ้รับโทษ หาคนเก่งเหมือนที่แอนนาลีสหา แล้วเรามีกระบวนการยุติธรรมไว้ทำไม ถ้ามันเป็นแค่เกม? ต้องใช้ความตายเป็นตัวตัดสินเท่านั้นหรอ...ซึ่งเออ มันก็จริงนะ พอทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่สาปแช่งให้มันตาย
ซีรีย์เลยถามกับเราว่าแล้วกฎหมายนั้นมันศักดิ์สิทธ์จริงไหม? หรือแค่เปลี่ยนไปตามความเห็นใจของผู้ที่นั่งอยู่ตรงหน้า (<< คำพูดของพระเอกใน Legal high) แอนนาลีสก็มีประโยคนั้นเหมือนกันคือ “ชัยชนะเป็นของผู้ที่มีเรื่องเล่าที่ดีที่สุด” เป็นเหตุผลเดียวกันที่แอนนาลิสขึ้นสู้กับ Supreme Court ของสหรัฐ(ศาลยุติธรรมสูงสุด) เพื่อช่วยพ่อของเนทหรือกลุ่มคนที่ด้อยอำนาจแล้วถูกกฎหมายรังแก มันจึงกลายเป็นเรื่องของ “กระบวนการ” ที่บีบบังคับให้คน “ต้อง” เอาชนะ พิสูจน์ความบริสุทธ์ของตัวเอง แล้วใครจะชนะล่ะ? ระหว่างประชาชนกับรัฐ คนจนกับคนรวย คนมีอำนาจกับคนธรรมดา ที่มีสายป่านยาวไม่เท่ากัน
สิทธิในการเข้าถึงความยุติธรรม
ตอนจบของ How to Get Away with Murder ที่เห็นฉากแอนนาลิสสู้คดีบอกได้คำเดียวว่าละครลิงพอ ๆ กับ Legal high ทั้งที่เรารู้กันอยู่ว่าแอนนาลิสไม่ได้ฆ่าใครเลยก็จริง เราเชื่อว่าแอนนนาลีสบริสุทธิ์ยังไง แต่เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง แอนนาลีสก็ยังต้องเล่นเกมเพื่อให้ชนะ ต้องบิดพริ้วเรื่องราว ต้องฉกชิงเพื่อให้ผู้คนเห็นในด้านที่ถูกต้อง แล้วเชื่อในด้านที่ถูกต้อง ไม่สามารถพูดแค่ว่าฉันไม่ผิดแล้วรอดได้เลย ต้องหักล้างหลักฐานกันตลอดเวลา นี่คือสิ่งที่บีบให้แอนาลีสต้องทำ
แล้วกระบวนการยุติธรรมมันมีไว้เพื่ออะไร??? ก็กลับมาทีคำถามเดิม ๆ หรือไม่แอนนาลีสก็ยอมโดนจับในข้อหาสมคบคิด ซึ่งแน่นอนว่าแอนนาลีสไม่รอด ไม่มีทางรอดแค่สมคบคิดแน่ ๆ แต่เห้ย ทำไมเชื่อมั่นได้มากขนาดนี้ว่าจะไม่รอด เพราะเรารู้ว่ามีผู้มีอำนาจต้องการที่จะกำจัดเธอ
สรุปว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นของผู้มีอำนาจ มีเงิน มีความรู้พอที่จะเข้าถึงมันหรอ? ถ้าจนก็ใช้ทนายรัฐที่งานล้นมือ ไม่สนใจลูกความแล้วก็ยอมติดคุกไป? ถ้าไม่เก่งแบบแอนนาลีสก็แพ้ไป? มีทีแกนเป็นทนายแล้วโดนตัดสิทธิ์ ไม่มีปัญญาหาใหม่ก็แพ้ไป? นี่คือสิ่งหนึ่งที่แอนนาลีสสู้ Privilege สิทธิในการเข้าถึงความยุติธรรม ...หรือว่าไม่จริง
สรุปแล้วตัวละครสู้อยู่กับอะไร? ตรงนี้ในเรื่องมันมีพลวัตเรื่องอำนาจเข้ามาเกี่ยวด้วย มันเลยกลายเป็นความชิบหายเมื่อกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมมีบทบาทของอำนาจเข้ามาแทรกแซง ซึ่งอำนาจในที่นี้เป็นได้หลายอย่างมากและผู้ด้อยอำนาจกว่าไม่สามารถใช้กฎหมายเพื่อปกป้องตัวเองได้ มันจึงทำให้กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ ผู้มีอำนาจใช้กฎหมายเล่นงานประชาชน รัฐใช้กฎหมายป้องกันตัวเองจากการเป็นผู้กระทำผิด แต่ประชาชนส่วนมากทำแบบนั้นไม่ได้ สุดท้ายแล้วกฎหมายนี้มันมีไว้เพื่ออะไร? กระบวนการยุติธรรมมันมีไว้เพื่อผดุงอะไร?
ปกป้องตัวเอง? รักษาอำนาจของความเป็นรัฐ? เป็นเครื่องมือกำจัดคน? หรือเพื่อความยุติธรรมจริงๆ? …แล้วใครที่เข้าถึงความยุติธรรมได้บ้าง?
พอมองดูเรื่องนี้ดี ๆ แล้วซีรีย์คือตีแผ่ความเน่าเฟะมาก ยิ่งมองสะท้อนกลับมาประเทศไทยตอนนี้คือโคตรเรียล โคตรใช่ อำนาจทุจริตคือสิ่งที่ทำให้กฎหมายไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์ เราเห็นกับตาแต่เราทำอะไรไม่ได้เพราะเราไม่มีอำนาจ มีคนแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สามาถเข้าถึงความยุติธรรม อ้าวเห้ย…งี้ความยุติธรรมก็มีราคาอ่าดิ? ทุกคนควรเข้าถึงความยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียมกันไม่ใช่หรอ? …ก็ลองถามตัวเองดูว่าถ้าวันหนึ่งโดนฟ้องหรือต้องเป็นคนฟ้อง มีกำลังพอจะสู้ไหวไหม? เงินและเวลา นั่นแหละคือสิ่งที่ต้องจ่ายแน่นอน ถ้าไม่มี...ความยุติธรรมมันก็ไม่ใช่ของเรา ยกเว้นจะโชคดี
“กฎหมายไม่สำคัญเมื่อมีผู้มีอำนาจที่ทุจริตที่อยากให้ฉันตาย”
แอนนาลีส คีตติ้ง
การมุ่งถามคนดูแล้วให้เราเข้าข้างตัวละครนี่คือสิ่งที่ How to Get Away with Murder ต่างจาก Legal high ที่เน้นทำให้เราเห็นความตลกขบขันของการพลิกแพลง ความเห็นแก่ตัวของพระเอก แต่ How to Get Away with Murder ถามเราว่าเรากำลังเอาใจช่วยใคร? ฆาตกรหรือผู้บริสุทธิ์หรือไม่ใช่ทั้งสองอย่าง แล้วทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ ใครกันแน่ที่ผิด คุณเห็นความเน่าเฟะนั้นไหม นี่แหละค่ะ การชอบทีแกน ไพรซ์อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องมานั่งคิดหนักในเรื่องนี้ …เอ้า วกมาทางนี้ได้ไง
ความหลากหลายคือการเป็นตัวเอง
ใด ๆ คือตัวละครใน How to Get Away with Murder มีหลากหลายมาก นี่คือสิ่งที่ทำให้เราว้าวกับเรื่องนี้ ผู้หญิง ผิวสี แล้วสัดส่วนตัวละครผิวสี(ส่วนมากเป็นผิวดำ)ก็คือเยอะมากพอ ๆ กับคนขาว ไม่บ่อยนะที่จะได้ดูความหลากหลายเบอร์นี้จากซีรีย์อเมริกา(ขีดเส้นใต้เลย) ยังไม่รวมความมากด้วยคอมมูนิตี้ LGBTQI+++ แบบเห้ย ชอบอ่ะ มันก็เห็นชัดดีว่าตัวละครในเรื่องนี้กำลังสู้อยู่กับอะไรบ้าง ความยุติธรรมของอะไรบ้าง พื้นที่ของอะไรบ้าง แล้วใส่ความหลากหลายนี้ลงมาแบบ..เหมือนจะเป็นปกติ แต่ก็ไม่ปกติ เราแค่กำลังหลอกตัวเองว่าทุกอย่างมันดูปกติ แม้แต่ตัวละครเองก็ยังต้องต่อสู้กับความรู้สึกแบ่งแยก แตกต่าง สับสน ในใจตัวเองอ่ะ เออเริ่ด
ตรงความหลากหลายที่ควรเป็นปกติ แค่ดูเหมือนเป็นปกตินี่แหละคือสิ่งที่ชอบมาก ๆ มันบอกเล่าและที่สำคัญเราสามารถรักตัวละครได้โดยที่ไม่จำเป็นว่าพวกเขาจะต้องอยู่ใน Standard(มาตรฐาน) ของอะไร ซ้ำตอนจบแอนนาลีสยังเลือกที่จะเป็นตัวเอง แล้วยอมรับว่าที่ผ่านมาเธอสวมหน้ากากมาตลอด จากการหลอกตัวเองมาทั้งชีวิตเพียงเพื่อให้ถูกยอมรับอ่ะ
…ต้องสวยนะ ต้องแกร่งนะ ต้องเก่งนะ ห้ามแพ้นะ ห้ามอ่อนแอนะ ห้ามดูน่าสงสารนะ
จับปิตาธิปไตยมาอธิบายเรื่องนี้ได้สบาย ๆ เลย เพราะ “แอนนาลีสคือผู้หญิงผิวดำที่โดนปิตาธิปไตยกดทับไว้เหมือนผู้ชายเต็ม ๆ” แบบเห้ย มันได้อ่ะ เล่าเรื่องผู้หญิงที่โดนปิตาฯ กดทับแบบผู้ชาย
นี่คือภาพของผู้หญิงผิวสีที่ไม่กล้าร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นเพราะกลัวจะถูกมองว่าอ่อนแออ่ะ นี่มันอะไรวะเนี่ย ปกติกับมันเกิดขึ้นแต่กับผู้ชายไม่ใช่หรอ? เออ…ตัวละครแม่งเหนื่อยมากจริง ๆ และแน่นอนว่า Viola Davis ก็ช่วยทำให้ตัวละครมันดูเหนื่อยมากจริง ๆ เช่นกัน เป็นเหยื่อแต่ห้ามเป็นเหยื่อนะ
ฉากสุดท้ายในศาลที่แอนนาลีสพูดถึงตัวเองมันดีนะ ยอมรับว่าแวบหนึ่งในใจก็แอบรู้สึกว่า “มันฟูมฟายไปรึเปล่าน้า… ดูไม่สมเป็นแอนนาลีสเลย ต้องแกร่งกว่านี้สิ ทำไมทีแกนถึงบอกว่าดีแล้วล่ะ” จนนึกเสียใจไปเลยว่าทำไมปิดคดีไม่สวยเลย แต่พอคิดดูดี ๆ อ่ะ หรือเพราะเราปฏิเสธที่จะฟังเรื่องราวจริง ๆ ของเขากันแน่นะ ด้านที่เขาเป็น เขาเผชิญ ความอ่อนแอตอนที่เขาบอกว่าเขาอ่อนแอยังไง เพราะเรามัวแต่คิดจินตนาการว่าเขาต้องเก่งกว่านี้สิ ต้องสู้ ต้องแข็งแกร่งกว่านี้สิ ถึงจะสมกับที่เป็น ‘แอนนาลีส Freaking คีตติ้ง’ อ่ะ
จนเราลืมว่าเห้ย…เขาก็มนุษย์ป่าววะ เขาอ่อนแอเป็น แล้วถ้าวันหนึ่งเขาจะกลายเป็นแบบนี้แล้วมันไม่ใช่เขาตรงไหน เขาต่อสู้ด้วยหัวใจที่แตกสลายมาทั้งชีวิต เขาหวาดกลัว เขามีสิทธ์ที่จะร้องไห้ เรียกร้องเพื่อตัวเอง เห็นแก่ตัว เราปัดตกคำพูดเขาเพียงเพราะว่า มันดู Imotional มากเกินไป! อีบ้า
สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเป็นอะไร เขาก็ยังเป็น ‘แอนนาลีส Freaking คีตติ้ง’
พอคิดได้อย่างนี้แล้วมันก็แบบ “…เออ สมเพชตัวเองหวะ” ว่าทำไมเราถึงตัดสินว่าเขาต้องเป็นแบบไหนถึงจะแกร่งพอสำหรับเรา สร้างภาพให้เขาเป็น คาดหวังให้เขาเป็น ทั้งที่เราควรพูดออกมาคือ “เออ ดีแล้ว เธอควรได้ร้องไห้ออกมา” “ดีแล้วที่ได้เป็นตัวเอง” “ดีแล้วที่ถอดหน้ากากทิ้งไป” “ฉันภูมิใจในความเป็นเธอ ไม่ว่าเธอจะเป็นแบบไหน”
ด่าปิตาธิปไตยนะ แต่ยอมรับว่าบ่อยครั้งก็ยังไม่หลุดเรื่องนี้เหมือนกัน แล้ว How to Get Away with Murder Season 6 ก็คือตบหน้าหนูเต็ม ๆ ว่า “…แกมันปลอม แกมันมี Heroine ในอุดมคติ ต้องแกร่งแบบปิตาฯสิ ไร้ซึ่งความรู้สึกสิ” *โห…เจ็บ* กลับไปเปิดตอนแรกดู แอนนาลีสพูดตรง ๆ เลยว่าเธอไม่มีหัวใจ ซึ่งมันไม่จริง ชีวิตมัน Fuck up เธอ บังคับให้เธอไม่มีหัวใจต่างหาก เพราะไม่งั้นเธอก็จะกลายเป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่น่าสงสาร ไร้คุณค่า
ตัวเราเองก็เพิ่งมาเรียนรู้ Toxic ของปิตาฯ ตอนโตแล้ว ก็ตอนเด็ก ๆ ไม่มีใครสอนอ่ะ มันก็ช้างี้แหละ ยิ่งสมัยมัธยมลงไปนี่คือแบบ…”อี้ สาวอ่ะ ผู้หญิงไป ไม่ชอบ I’m not that kind of woman” โถ อีผีบ้า ทุกวันนี้ถึงต้องมานั่งวงวารตัวเอง …ก็เรียนรู้กันต่อไป
และนี่คือ How to Get Away with Murder Season 6 …ยัง ยังเขียนไม่จบ
Gin and Vodka Non-vanilla Sweetie’s SHIP ช่วงหวีดไทม์ เขียนทั้งบทความเพื่อเธอคนเดียว
นิยามสั้น ๆ
“ทีแกนกับแอนนาลีสเป็น Shappic ที่ดีที่สุดที่เคยเจอมา”
…ไม่มโน สัญญาว่ามีสาระ
เป็นเรือที่เกือบทำให้หัวใจวายตาย ไม่เคยหวีดเรือไหนหนักเท่าเรือนี้ ต้องแยกคำว่า “หนังดี” ของ Portrait of a Lady on Fire กับ “เรือดี” ออกจากกันก่อนนะ ไม่เหมือนกัน *แทบจะเต้นรอบกองไฟสรรเสริญ* <<< เออ ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล แต่มีเหตุผลที่ดีแน่นวล
เกริ่น…ด้วยความที่มี ‘ทีแกน ไพรซ์’ เป็นเมนในเรื่องนี้เนอะ เราก็อยากจะเชียร์ให้เขาได้กับใครสักคน มีภรรยาสักที(ซึ่งอันที่จริงมีอยู่แล้ว) แล้วก็จะชอบเชียร์ให้บอนนี่ได้กับแอนนลาลีสเช่นกัน ส่วนอีฟก็คือเอาไปเก็บเลย สองมาตรฐานมาก ยอมรับ แล้วพอทีแกนกับแอนนาลีสเจอกันก็คือเรือเกิด เกิดแบบเกิดจริง พอ Season 6 โผล่มากก็คือจริงไม่ไหวแล้ว แม้จะนั่งขมวดคิ้วเชียร์ ‘ทีแกน ไพรซ์’ สะกดจิตตัวเองตลอดเวลาก็ตาม เพราะเราเชื่อว่าแอนนาลีสไม่น่าจะเลือกทีแกน
แต่เรือนี้ไม่ใช่เรื่องของการสองมาตรฐานแต่อย่างใด ลองอดทนอ่านต่อไปอีกนิด เรามีเหตุผลในการหวีดจนเกือบตายของเรา
ด้วยว่า…แอนนาลีสกับทีแกนเป็นเหมือนเสือสองตัวที่อยู่ถ้ำเดียวกันได้ Gin and Vodka Non-vanilla Sweetie ป่ะล่ะ? แต่ก็ทำให้รู้สึกเหมือนว่าอาจจะ ‘ลอบกัด’ กันตายวันไหนก็ไม่รู้ กลัวทีแกนตลบหลังแอนาลีสหรือแอนนาลีสโยนขี้ให้ทีแกน ทางใดทางหนึ่ง
มันเป็นสองตัวละครที่อาจจะไม่เชื่อใจกันเมื่อไหร่ก็ได้ มันสามารถปลอมใส่กันได้ง่ายและเพราะเรื่องนี้ชอบตลบแตลงความซื่อสัตย์ตัวละครไปมาตลอดเวลา แล้วทีแกนคือคนที่เข้ามาในชีวิตแอนนนาลีสแบบแทบไม่มีพันธะผูกมัดใด ๆ เลย ต่างจากคนรอบตัวแอนนาลีสคนอื่น ๆ ฉะนั้นมันง่ายมากที่สองคนนี้จะหักหลังกันโดยไม่สนอะไร แล้วยิ่งพอการหักหลังมันไม่เกิดขึ้น มันยิ่งน่าสนใจ ว่าเอ้อ มันเป็นมิตรภาพจริง ๆ (ไม่นับตอนจิ้นตัวละครนะ) แล้วยิ่งกลายเป็นว่าทีแกนเป็นตัวละครที่มีความซื่อสัตย์มากกว่าในบรรดาตัวละครทั้งหมดของเรื่องนี้อีกด้วย เป็นตัวละครที่พยายามเปลี่ยนตัวเองจากอดีต (รัก)
พอมีโมเม้นก็เหมือนจะได้กันแต่ก็ไม่ได้กันนะ เอ๊ะ! หรือไม่ใช่โมเม้นนะ มันแบบเดี๋ยวเอ๊ะ ๆ ๆ ฮึมฮัมกันตลอดเวลา คือมันเป็นโมเม้นที่ประหลาดอ่ะ บอกไม่ถูก จะไม่มีก็ไม่ใช่ แต่จะพูดว่ามีก็พูดได้ไม่เต็มปาก แต่คือมีแหละ แต่โมเม้นรึเปล่าไม่รู้ แล้วทีแกนก็คือรุกหนักมาก รุกแบบ “อ้อ ฉันไม่ได้ชอบแอนนาลีส ฉันแค่ชื่นชมเธอ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน” ไปพ๊ากกก
หึงนะ แต่ไม่ได้ชอบ? What? Come on Tegan! that makes no sense
มองจากดวงอังคารยังรู้ แต่ตอนทีแกนปฏิเสธอะไรแบบนั้น มันก็เหมือนตัวละครมันหมายความอย่างที่พูดจริง ๆ เพราะตัวละคร…มันก็ไม่รู้ตัวเอง เวรกรรม และแทบจะไม่สงสัยตัวเองเลยด้วย เรียกว่าทีแกนหลอกตัวเองแบบบริสุทธิ์ได้สมบูรณ์แบบมาก ๆ จับโกหกเก่ง จับทุกคน สั่งให้พูดความจริงตลอดแต่ลืมบอกตัวเอง นี่คือ ทีแกน ไพรซ์ สังเกตได้ตั้งแต่ตอนหย่ากับภรรยาเก่าที่มักซ่อนความรู้สึกตัวเอง
แล้วพอยิ่งมันไม่มีแฟนตาซีโรแมนติก เราก็คิดว่าคงเรือผีแหละ โดนคนเขียนบทหลอกแล้ว ทำใจเผื่อไว้ แล้วตัวละครก็ดันไปสารภาพความรู้สึกเอาตอนที่เครียดที่สุดของเรื่อง มันแบบ…เอ้อ แบบนี้ก็ได้หร๊อ? ถึงตอนนี้แล้วฉันต้องพูดสิ่งนี้กับเธอ ฉันโกหกไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เป็นการสารภาพที่เกิดขึ้นจากความตื่นรู้ของตัวละคร(ทีแกน)มาก ๆ มันเลยเป็นอะไรที่ ว้าว ทีแกนตื่นรู้
และเพราะมันไม่มีแฟนตาซีโรแมนติก คู่ของทีแกนกับแอนนาลีสมันเลยกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีความโรแมนติกอยู่ในนั้นเลย คือไม่เล่าอ่ะ ไม่เห็น ไม่มี ไม่มีการเกริ่นระหว่างตัวละครให้รับรู้ เพราะไม่มีใครเข้าหากันในเชิงนั้น ไม่มีการฉาบฉวย ทั้งที่มันมักเกิดกับแอนนาลีสตลอดเวลา เป็นมิตรภาพเพื่อนสาวปกติ แล้วคำสารภาพของทีแกนมันก็เกิดจากการที่ตัวละครตื่นรู้แบบฉับพลัน ณ ตอนนั้น ตรงนั้น เดี๋ยวนั้น ท่ามกลางความสงสัยของตัวละครเอง แต่มั่นใจ งงม่ะ แล้วพอตัวละครตื่นรู้ปั๊บ ก็คือชัดเจนทางความรู้สึกของตัวเองทันที ฉันต้องการสิ่งนี้ ๆ จากเธอ ฉันอยากมอบสิ่งนี้ ๆ ให้กับเธอ ความรัก และเป็นวินาทีที่แอนาลีสตรงไปตรงมากับตัวเองมาก ๆ เช่นกัน
“I can’t promise you the same”
โห แบบเป็นอะไรที่โคตรให้เกียรติกันอ่ะ นี่คือจุดเริ่มต้นที่ดีของความสัมพันธ์ ความจริงใจ แม้มันจะฟังดูไม่สมหวังก็เถอะ แต่มันจริงใจมาก ถามตรง ตอบตรง ไม่อ้อมค้อมเลย เนี่ย Gin and Vodka Non-vanilla Sweetie ถึงเรือจมเราก็ไม่มีวันตาย
แล้วสุดท้ายแอนนาลีสก็ปฏิเสธทีแกน ซึ่งดูยังไงเราก็รู้สึกว่าแอนนาลีสไม่น่าจะเลือกทีแกนทั้งตอนนั้นและก่อนหน้านั้น แต่มันเป็นความรู้สึกที่ขอบคุณนะ แล้วมอบมันกลับไปด้วยความจริงใจอ่ะ แล้ววินาทีนั้นถ้าตัวละครแอนนาลีสบอกว่า “ฉันก็รักเธอ” มันจะปลอมมาก แย่งซีน จบ พัง แล้วมันจะทำให้ความขลังของความจริงทั้งหมดที่ Viola Davis เล่นไว้ก่อนหน้า พังทลายลงกลายเป็นความฉาบฉวยของช่วงเวลานั้น เป็นแฟนตาซีทันที เป็นความหลอกลวง เป็นบทที่แค่เขียนให้ตัวละครคู่กัน …ซึ่งขอบคุณสวรรค์ที่มันไม่เกิดขึ้น
มหัศจรรย์มาก เซอร์ไพรส์ที่เขาสารภาพรักและเซอร์ไพรส์ที่เขาเท โดยไม่มีความเสียใจใด ๆ เลย แต่ของบคุณ
พอเราเชื่อว่ามันจริงมาก มันเลยว้าวมาก ตรงไปตรงมา ชัดเจน ซึ่งต่อจากนี้ตัวละครจะสานสัมพันธ์กันต่อไปในทางไหนก็คือเรื่องของอนาคต แต่วินาทีนั้นความรู้สึกกับสิ่งที่พูด มันจริงแล้วมันไม่กั๊ก ที่สำคัญมันไม่ได้ทำให้รู้สึกว่า “เพราะมีคนมาชอบฉัน ฉันก็เลยชอบเขาเหมือนกัน” แบบนั้นจะดูฉาบฉวย
นี่คือสิ่งที่ทำให้ “ทีแกนกับแอนนาลีสเป็น Shappic ที่ดีที่สุด” ความจริงใจ และใช่ มันคือบทสรุปของชีวิตแอนนาลีส ของ How to Get Away with Murder “ไม่มีสิ่งใดมีค่าไปกว่าการจริงใจต่อตัวเอง” ความเหน็ดเหนื่อยทั้งหมดที่ตัวละครต่อสู้มา ทั้งเหล้า การบำบัด ผู้คน ความโหยหา ความเศร้า สวมหน้ากาก สร้างกำแพง ทั้งหมดแก้ปัญหาได้ด้วยความจริงใจ
และใช่ “ทีแกนกับแอนนาลีสเป็น Shappic ที่ดีที่สุด” …ทรงพระเจริญ
ถือว่าเป็นตัวละคร เกย์ ผู้หญิง ผิวดำคู่แรกเลยนะที่ทำให้ฉันกรี๊ดแบบเป็นบ้าเป็นหลัง อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนกับคู่ไหน ไม่เคยปลื้มตัวละครเกย์ผู้หญิงผิวดำมาก่อนด้วย คิดดูแล้วกันว่า Shappic นี้มันดีขนาดไหนถึงได้ก่อเกิดเป็นความมหัศจรรย์แรกขึ้นมาได้แบบนี้อ่ะ แซงหน้าทุกเรื่องที่ฉันรักไปเลยค่ะ
ไม่ว่าโมเม้นใด ๆ ที่สองคนนี้อยู่ด้วยกันฉันเขินตอดเวลาและถ้าบอนนี่ไม่เข้ามา ทีแกนจูบแอนาลิสแน่ ๆ ฉันมั่นใจ ไปจับผิดการแสดงได้ค่ะ
ทำไมต้องเป็น Gin and Vodka นั่นก็เพราะทีแกนดื่มจิน แอนนาลีสดื่มวอดก้าไงคะ เหล้าใส ๆ เหมือนกันแต่แรงคนละแบบ โอ้ย กุจิ้น *ฮ่าๆๆๆ*
สำหรับ How to Get Away with Murder
สุดท้ายซีรีย์เรื่องนี้ แม้จะน่าติดตามแต่ก็มีความน่ารำคาญเหมือนละครน้ำเน่าอยู่นะ เพราะมันน้ำเน่าจริง ๆ แต่ไม่ได้หมายความในทางไม่ดีนะ เพราะน้ำเน่าที่ว่าคือ Jane the Virgin เป็นโครงสร้างความน่าติดตามในแบบเดียวกันและสอดแทรกไว้ด้วยความน้ามคานบางอย่าง ฮ่าๆๆๆ มีบางตัวละครที่น่ารำคาญ มีบางเหตุการณ์ที่น่ารำคาญ แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องดำเนินต่อไปได้
ในชีวิตเราทุกคน มันมีความน่ารำคาญบางอย่างที่ทำให้มันไม่ราบรื่นอยู่แล้ว aka ‘ตรระกะของสลิ่ม’ (ซึ่งยังไม่ได้เขียนถึง Jane the Virgin เพราะขี้เกียจ นี่ก็แทรกคิวเขามา เรือเพตราค่ะ ดักไว้ก่อน) แถมตัวละครหลากหลายเหมือนกันอีก จนอยากยกให้สองเรื่องนี้เป็นแฝดเวอร์ชั่นฆาตกรรมกับเวอร์ชั่นรักน้ำเน่า เวอร์ชั่นแอฟริกัน-อเมริกากับเวอร์ชั่นละติน-อเมริกา <<< ใช่ค่ะ ทั้งหมดเพื่อที่จะบอกว่าจะเขียนเรื่อง Jane the Virgin แต่ขี้เกียจอยู่ เลยยังไม่ได้เขียนและอีกหลายเรื่องที่ดองไว้
เสียใจอ่ะที่บอนนี่ตาย
- Tegan Price -
แบบนี้แหละค่ะ ที่เขาว่ายิ่งอยู่นาน ทาสแท้ยิ่งออก ลำเอียงงงง
ช่วงนี้ติดตามการเมืองอยู่ค่ะ กินพลังชีวิตมาก โคตรน่ารำคาญแต่ก็หยุดด่าไม่ได้
Don't go to Sleep
แล้วเจอกอย
0 ความคิดเห็น