หลากเรื่องของ The Phantom of the Opera เกร็ดเล็ก ๆ น้อยเกี่ยวกับเรื่อง The Phantom of the Opera เจ้าชายแห่งความโดดเดี่ยว พร้อมความเห็นต่อละครเวทีอันโด่งดังทั้งสองเวอร์ชั่น แถมด้วยการอวยเมนตัวเองเป็นการปิดท้าย
เรื่องย่อ The Phantom of the Opera
The Phantom of The Opera เป็นเรื่องเล่าลือของปีศาจในโรงละคร โดยปีศาจตัวนี้แท้จริงคือผู้ชายชื่ออีริก ซึ่งเป็นชายที่มีหน้าตาอัปลักษณ์มาก ๆ คนหนึ่ง เป็นที่รังเกียจของผู้คนเขาจึงซ่อนตัวจากโลกใบนี้อยู่ใต้โรงละคร ผู้คนในคณะละครเชื่อว่าสิ่งแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของผี/ปีศาจตัวนี้แหละ แต่อีริกเป็นผู้ชายที่ฉลาดมาก โดยเฉพาะความสามารถในการแต่งเพลง
จนกระทั่งอีริกได้พบคริสตีน ด้วยความหลงไหล อีริกก็แอบสอนคริสตีนร้องเพลง จนเกิดกลายเป็นโศกนาฎกรรมความรักขึ้นมา
The Phantom of The Opera มีต้นฉบับเป็นนิยาย
The Phantom of The Opera มีต้นฉบับเป็นนิยายเขียนโดยกัสตง เลอร์ลู (Gaston Leroux) ซึ่งกัสตงเนี่ยเป็นนักหนังสือพิมพ์ การเขียนนิยายเรื่องนี้ก็ได้แรงบัลดาลใจมาจากข่าวเกี่ยวกับโรงอุปรากรนั่นเอง หากใครเคยอ่านหนังสือจะสังเกตเห็นว่า เรื่องราวจะเป็นแนวการเม้ามอยหอยสังข์ของคนในโรงละครเกี่ยวกับผีที่ไม่มีใครเคยเห็น เขาลือกันว่า… เขาเล่ากันมา… การเล่าเรื่องราวจะมีความเป็นปริศนานิดหนึ่ง เป็นเรื่องลือ ๆ กันมา
พอเกิดเรื่องประหลาดขึ้นก็จะโทษว่าเป็นฝีมือของผีแห่งโรงละครก่อนเลย
The Phantom of The Opera เคยมีเป็นภาพยนตร์มาก่อนมีละคร Musical
The Phantom of The Opera เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ก่อนมีการสร้างเป็นละครเวทีหลายฉบับด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นที่รู้จักกันในฐานะภาพยนตร์สยองขวัญเสียมากกว่า จนกระทั่งถูกสร้างเป็น Musical จึงกลายเป็นสัญลักษณ์และเรื่องราวของความรักที่ยิ่งใหญ่ไป
ขอยกตัวอย่างฉบับที่รู้จัก
ฉบับปี 1925 ที่เป็นภาพยนตร์ขาวดำ หากใครเคยเห็นก็เป็นแฟนธ่อมฉบับที่มีหน้าตาตรงตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาก ๆ อาจจะเคยเห็นรูปผ่านตาบ่อย ๆ ที่ตาโหล ๆ ผมหรอม ๆ เหมือนหัวกระโหลกตั้งอยู่บนตัว (แต่ไม่เคยดูเหมือนกัน)
ฉบับปี 1945 เป็นหนังสยองขวัญ ฉบับนี้จะต่างจากหนังสือคือตัวแฟนธ่อมเป็นนักดนตรีมาก่อน แล้วประสบอุบัติเหตุทำให้หน้าเละ ทำให้ต้องซ่อนตัวจากผู้คนแล้วกลายเป็นผีแห่งโรงละครไป
ส่วนฉบับปี 2004 คือฉบับเดียวกับฉบับละครเวทีของ Andrew Lloyd Webber ที่สร้างจากเนื้อเรื่องในนิยายต้นฉบับอีกที
และอื่น ๆ
Musical ของ The Phantom of The Opera
ฉบับละคร Musical ของ The Phantom of The Opera ที่เห็นมีสองฉบับที่สร้างขึ้น คือฉบับของ Andrew Lloyd Webber ที่จัดแสดงครั้งแรกปี 1986 ใช้ชื่อว่า “The Phantom of The Opera” และฉบับของ Maury Yeston กับ Arthur Kopit ในปี 1991 ใช้ชื่อว่า “Phantom” ซึ่ง Musical ทั้งสองฉบับนี้สร้างเนื้อเรื่องจากนิยายของกัสตงเหมือนกัน แต่มีลักษณะที่ค่อนข้างต่างกันพอสมควร
ละครเวที The Phantom of The Opera มีภาคสอง
ละครเวทีเรื่อง The Phantom of The Opera มีภาคสองชื่อ “Love Never Dies” แต่เหมือนเป็นเรื่องราวที่ดูสมหวังและรักกันขึ้นมาหน่อยของ อีริก(แฟนธ่อม)กับคริสตีนเสียมากกว่า (เคยเห็นผ่าน ๆ ของฉบับ Takarazuka)
ความแตกต่างของ Musical ทั้งสองฉบับ
จากที่เคยดูทั้งสองเวอร์ชั่นนะ (ดูเป็นบันทึกการแสดง ไม่มีโอกาสได้ไปดูในโรงละครจริง ๆ 555) ของ ALW ก็ดูที่เป็นบันทึกการแสดงครอบรอบ 25 ปี (2011) ส่วนของ Yeston และ Kopit ดูเป็นภาษาญี่ปุ่นของคณะ Takarazuka ปี 2006 กลุ่มดอกไม้ ซึ่งแน่นอนว่าฟังไม่ออกแต่ติ่งนักแสดงและอินมาก ก็หาอ่านเนื้อเพลงเอา ซึ่งถ้าใครอยากดูฉบับ Yeston และ Kopit เห็นมีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษลงไว้ใน Youtube ด้วย
ทั้งสองฉบับนี้เพลงเพราะทั้งคู่และมีแนวการนำเสนอที่ต่างกันค่อนข้างชัดเจน ทั้งตัวเพลงและตัวเรื่อง
- ฉบับของ Andrew Lloyd Webber
ฉบับของ ALW จะมีรายละเอียดบางส่วนที่ต่างจากนิยาย เหมือนจะไม่มีตัวละครชายชาวเปอร์เซียและจะไม่ลงรายละเอียดของตัวอีริกหรือแฟนธ่อมมากนัก จะเน้นเรื่องความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในโรงละครมากกว่า เน้นเรื่องความรัก…ที่ยิ่งใหญ่ระหว่างตัวเอกที่เกิดขึ้นในตอนจบ ตัวเพลงและวิธีการเล่ามีความมิวสิเคิลผสมละครเวที จะมีความอลังการงานสร้างมาก ๆ
- ฉบับของ Maury Yeston กับ Arthur Kopit
ฉบับของ Yeston และ Kopit จะค่อนข้างเป็นละครจ๋ากว่า แล้วก็มีส่วนต่างจากนิยายเหมือนกันแต่คนละเรื่องกับของ ALW ในฉบับนี้จะลงลึกรายละเอียดโศกนาฎกรรมชีวิตของอีริก (แฟนธ่อม) พอสมควร พาเราย้อนไปเข้าใจตัวละครอีริกผ่านเรื่องเล่าในอดีตของเขา ซึ่งเล่าโดยตัวละครชายชาวเปอร์เซียนี่แหละ ที่มาที่ไปคืออะไร ทำไมเขาถึงกลายเป็นแบบนี้ ตัวแฟนธ่อมจะไม่ดูเป็นโรคจิตกักขังหน่วงเหนี่ยวมากเท่าฉบับของ ALW แล้วออกมา take action กับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในโรงละครเยอะกว่า เราจะเห็นเลยว่าเขาทำอะไรบ้าง ในขณะที่ฉบับของ ALW เราจะไม่เห็น action นั้นแต่จะรู้ว่าแฟนธ่อมเป็นคนทำ
ชอบทั้งสองฉบับเลย
เหนือสิ่งอื่นใดเราเปรียบเทียบกันไม่ได้ด้วย ถ้าใครชอบเรื่องของแฟนธ่อม แนะนำให้ดูทั้งสองฉบับได้เลยไม่เสียอรรถรสเพราะต่างกันพอสมควร เล่าเรื่องแฟนธ่อมคนเดียวกันแต่นำเสนอให้เห็นคนละด้าน เพลงก็คนละเพลงแล้วอ่ะ
เราจะเข้าใจตัวอีริกและเห็นมุมมองที่แตกต่างกัน อย่างในฉบับของ ALW เราจะรู้แค่ว่าอีริกรักคริสตีน ส่วนในฉบับของ Yeston และ Kopit เราจะเห็นว่าอีริกรักอะไรในตัวคริสตีนค่อนข้างชัดเจนขึ้นไปอีก ด้วยเพราะเจาะภูมิหลังตัวอีริกจะมีกลิ่นอายความโรแมนติกมากกว่าหน่อย ๆ
แล้วจุดจบของพี่ธ่อมอีริกก็ไม่เหมือนกันด้วย จะสปอยให้ข้างล่างสุด ๆ ใครสนใจเลื่อนดูได้
แต่สุดท้ายสิ่งที่เราจะได้เห็นก็คือ “การมอบความรักให้” ของคริสตีนต่ออีริก ตลอดทั้งเรื่องเราจะเห็นว่าการกระทำของอีริกนั้นไม่ดีเลย ดูเห็นแก่ตัว บังคับขืนใจคนรัก เอาแต่ใจ แต่เราต้องไม่ลืมว่าเขาคือผีที่ทั้งโลกเกลียดชัง เขาใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความเกลียดชังของโลกใบนี้และตัวเขาเอง โดยไม่เคยเชื่อว่าจะมีใครรักเขาจริง ๆ แม้แต่แม่ยังไม่รักอ่ะเพราะความอัปลักษณ์ที่เขาไม่ได้เป็นคนสร้างมา คริสตีนอาจจะหวาดกลัวอีริกไปบ้าง แต่สิ่งที่คริสตีนกระทำต่ออีริกคือการมอบความรักให้เป็นครั้งแรกอย่างบริสุทธิ์ใจ ซึ่งมันยิ่งใหญ่พอจะเปลี่ยนอสูรให้กลายเป็นมนุษย์ นั่นคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ ของเรื่องนี้ ทุกความหยาบคาย ทุกความเลวร้ายของโลกใบนี้ ล้วนต้องการความรัก ล้วนต้องการที่จะเป็นที่รัก
ปฏิบัติต่อต่อกันด้วยความรัก มองให้เห็นคุณค่าในตัวของกันและกันเพราะเราเอาชนะความเกลียดชังด้วยความเกลียดชังไม่ได้
แด่ทุกคนผู้เคยและไม่เคยไม่เป็นที่รักและยังเรียนรู้จักที่จะรักให้เป็น
ช่วงขายเมน
Phantom ฉบับของ Maury Yeston กับ Arthur Kopit เคยถูกจัดแสดงโดยคณะละคร Takarazuka ของญี่ปุ่นด้วย ครั้งแรกในปี 2004 โดยกลุ่มท้องฟ้าและปัจจุบันก็ยังมีแสดงต่อเรื่อยมาอีกหลายครั้ง
สิ่งที่ต้องการจะบอกก็คือโพสต์นี้ตั้งใจขายคณะละคร Takarazuka ค่ะ เป็นคณะละครหญิงล้วนที่มีทั้งสวยและหล่อในคนเดียวกัน เหล่าสตรีผู้มากความสามารถ ที่ปัจจุบันมีอายุอานามมากว่า 106 ปีแล้ว รัก Haruno Sumire #ขายเมน Phantom กลุ่มดอกไม้ ปี 2006 คนสุดท้ายในรูปนั่นเอง ของคณะนี้ก็จะเป็นแฟนธ่อมที่ดูเท่ขึ้นมาหน่อย เน้นความสวยงาม
We're square. Nothing owed, nothing left to say
แล้วเจอกัน
สปอยที่สัญญาไว้: ชะตากรรมของ อีริกหรือแฟนธ่อม
- Gaston – อีริกปล่อยคริสตีนกับราอูลไป ก่อนหายตัว แล้วกลับมาหาชายชาวเปอร์เซียบอกว่าตัวเองกำลังจะตาย จากนั้นก็สาปสูญ ไม่รู้ว่าอยู่หรือตาย
- ALW – แฟนธ่อมหายตัวไป หลังปล่อยคริสตีนกับราอูล ทิ้งไว้เพียงเรื่องเล่าขานลือกันมา
- ALW ในหนัง – เหมือนในละครเวทีและเล่าต่อว่า แฟนธ่อมยังอยู่จนแก่หลังคริสตีนตาย
- Yeston กับ Kopit – แฟนธ่อมถูกจับและถูกยิงจนตายโดยชายชาวเปอร์เซีย(น่าจะเป็นพ่อ) โดยการยินยอมของอีริคเอง (อ้างอิงจากเวอร์ชั่น Takarazuka)
0 ความคิดเห็น