สปอย Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง

Girls in Uniform [1958] ภาพสะท้อนของรูปแบบความรักในสังคมปิตาธิปไตย จะเป็นอย่างไรเมื่อสตรีกดขี่กันเอง? อย่าเพิ่งตัดสินว่ามันเป็นแค่หนังดราม่าและเต็มไปด้วยเรื่องราวประสาทแดกของผู้หญิง

Girls in Uniform เป็นหนังดราม่าและเต็มไปด้วยเรื่องราวประสาทแดกของผู้หญิง ในเวอร์ชั่น 1958 เป็นหนังสัญชาติฝรั่งเศส(+เยอรมัน) ที่ถูกสร้างจากหนังสือชื่อเดียวกัน เล่าถึงเรื่องราวของกลุ่มผู้หญิงและเด็กสาวซึ่งรวมตัวกันอยู่ในโรงเรียนหญิงล้วนแห่งหนึ่งในปรัสเซีย โดยไม่มีการปรากฏตัวของผู้ชายเลยตลอดทั้งเรื่อง

จากตรงนี้ไปเป็นการสปอยแบบเต็มเรื่อง แบบละเอียดผสมอรรถรสส่วนตัว
สำหรับใครอยากรู้แต่ไม่สะดวกดูเอง
เพราะเป็นหนังต่างประเทศที่เก่าพอตัวก็เลื่อนอ่านได้เลย


อ่านบทความฝึกวิเคราะห์เรื่องนี้ของเราได้ที่นี่
>>
Girls in Uniform (1958)<<


Girls in Uniform 1958

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง

Girls in Uniform (1958) เปิดฉากมาที่การเยี่ยมเยือนหลุมศพครอบครัว von Meinhardis เมื่อเด็กสาว ‘Manuela von Meinhardis’ ที่กำลังเศร้าสร้อยมาไว้อาลัยให้คุณแม่ที่เพิ่งเสียไป

ตามด้วยดนตรีเปิดเรื่องที่ฟังดูคล้ายกับดนตรีสวนสนามของเหล่าทหารไปพร้อม ๆ กับการนำเสนอภาพรูปปั้นของบรรดาผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะตัดภาพไปที่การเดินเรียงแถวของเหล่าเด็กนักเรียนหญิงเพื่อเป็นการย้ำเตือนให้เราเข้าใจอีกครั้งว่า

เรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กสาวในชุดยูนิฟอร์มนะ ไม่ใช่ผู้ชายในรูปปั้นทองเหลือง

หลังการตายของแม่ Manuela ต้องไปอยู่กับคุณป้าญาติฝั่งพ่อซึ่งเป็นคนเข้มงวด คุณป้านั้นได้เอา Manuela ไปฝากไว้ที่ ‘โรงเรียนประจำหญิงล้วนแห่งหนึ่ง’ เพื่อให้เด็กสาวนั้นถูกฝึกและเติบโตขึ้นเป็นกุลสตรีภายใต้การดูแลอันเข้มงวดของ ‘ครูใหญ่’

Manuela ที่กำลังเสียใจนั้นก็ต้องพลัดพรากจากครอบครัวไปใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังในโรงเรียนหญิงล้วนแห่งนี้และได้ถูกส่งไปอยู่ในความดูแลของครูประจำชั้นคือ ‘Ms. v. Bernburg’

‘Marka v. Raakow’ หัวหน้านักเรียน พา Manuela ขึ้นไปเปลี่ยนเครื่องแบบและถูกห้ามไม่ให้ใช้ ‘บันได’ ซึ่งสงวนไว้สำหรับครูใหญ่และไปใช้บันไดด้านหลังแทน ขณะนั้นก็เดินผ่านห้องโถงที่นักเรียนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังฝึกร้องเพลงเกี่ยวกับ ‘การเสียสละเพื่อแผ่นดินและบ้านเกิด’ แต่มีคนหนึ่งที่ร้องเพลงด้วยเนื้อร้องดัดแปลงซึ่งต่างออกไป นั่นคือเด็กสาว ‘Wolzogan’


ตัวอักษร EvB
และสัญลักษณ์รูปหัวใจ

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


ในห้องตัดเย็บ Manuela ได้พบเพื่อนในชั้นเรียนเดียวกันได้แก่ ‘Ilsa v. Westhagen’‘Erika v. Kleist’ และ ‘Alexandra v. Treskow’ และได้รับคำเตือนว่าอย่าเผลอไปตกหลุมรัก Ms. v. Bernburg ที่เป็นครูประจำชั้นเข้านะ ไม่อย่างนั้นจะต้องมีคนเสียใจแน่ ๆ เพราะ Ms. v. Bernburg นั้นใจดีมาก ๆ แล้ว Treskow น่ะ ก็ชอบ Ms. v. Bernburg มาก ๆ 

เมื่อเป็นนักเรียนของที่นี่ Manuela จะต้องถูกยึดเครื่องแต่งกายเอาไว้และจะได้คืนในวันที่ออกจากโรงเรียน เธอต้องใส่เครื่องแบบของนักเรียนเหมือนคนอื่น ๆ ซึ่งเป็นของที่ถูกส่งต่อกันมาอีกทีเพื่อความประหยัด

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


ภายในชุดนักเรียนที่ได้รับมานั้น Manuela พบตัวอักษร ‘EvB’ ที่ถูกปักไว้พร้อมกับรูปหัวใจ ซ่อนอยู่ข้างในของชุดยูนิฟอร์ม แม่บ้านบอกกับ Manuela ว่าคงเป็นฝีมือของนักเรียนเจ้าของชุดคนก่อน ที่มีความคลั่งไคล้ในตัว ‘Elisabeth von Bernburg’ มากจนถึงขั้นปักชื่อเอาไว้

แล้วเสียงระฆังก็ดังขึ้นโดยหัวหน้านักเรียน เด็กสาวทุกคนพากันแยกย้ายเข้าชั้นเรียน ขณะที่ Manuela เดินเตร็ดเตร่ไปที่หอพักตามคำบอกของหัวหน้านักเรียน Rakow

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


ท่ามกลางความวกวนของ ‘บันได’ ในตอนนั้นเองที่ Manuela ก็ได้พบกับ Ms. v. Bernburg หรือเจ้าของชื่อ ‘EvB’ ที่ปักอยู่ในชุดนักเรียน ต้นเหตุความคลั่งไคล้ของเหล่านักเรียนสาวเป็นครั้งแรก

Ms. v. Bernburg แนะนำตัวกับ Manuela ว่าเป็นครูประจำชั้นของ Manuela ย้ำกฏระเบียบที่เคร่งครัดและตรวจดูเครื่องแต่งกาย โดยกำชับให้ครั้งหน้ามัดผมให้แน่นและเรียบร้อยกว่านี้ก่อนไล่ให้ไปรวมกับเพื่อน ๆ


เวลาว่างของเด็กสาว

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


ตัดภาพไปที่ห้องพักประจำหอ เด็กสาวทุกคนใช้เวลาว่างไปกับกิจกรรมของตัวเองพร้อมกับเปิดเพลง บางคนวาดรูป บางคนเล่นเกมกระดาน หลายทำงานเย็บปักถักร้อย เป็นช่วงเวลาผ่อนคลายของทุกคน

หัวหน้านักเรียนได้คอยตรวจเช็กของใช้ของ Manuela ที่นำติดตัวมาเพื่อไม่ให้มีของต้องห้ามหลุดรอดเข้ามา การอยู่ที่นี่ Manuela ไม่ได้รับอนุญาตให้เก็บเงินไว้กับตัว แต่จะได้รับอนุญาตให้พกเงินติดตัวได้แค่ 1 มาร์กเวลาที่ออกไปข้างนอกเท่านั้น 

Manuela ถูกยึดทั้งช็อกโกแลตและไดอารี่ส่วนตัว ซึ่งเธอไม่ต้องการที่จะมอบไดอารี่ของตัวเองให้ใคร จึงคัดค้านไว้ หัวหน้านักเรียนเลยขู่ว่า “จะรายงานครู” เด็กสาวคนอื่น ๆ ไม่มีใครเห็นด้วยกับหัวหน้านักเรียนจึงแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เป็นการขบถ แต่หัวหน้านักเรียนก็ได้ประกาศว่า

“กฎก็คือกฎ”

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง
คนขวามือคือ Kleist

Kleist (Erika v. Kleist) เด็กสาวผมทองลูกครึ่งฝรั่งเศสเยอรมันได้ ‘ยื่นมือ’ เข้ามาช่วยเหลือถาม Manuela เป็นครั้งแรกว่า “มีอะไรให้ช่วยไหม?” และ Manuela ก็ตอบไปว่า “ฉันก็ไม่รู้”

Westhagen (Ilsa v. Westhagen) เด็กแก่นประจำชั้นได้เรียก Manuela ไปดูรูปดาราผู้ชายที่ตัวเองแอบติดไว้ในตู้เสื้อผ้า พร้อมกับบอกว่าเป็นคนที่ดูหล่อและมีเสน่ห์มากแสดงให้เห็นถึงความสนใจส่วนตัว

ขณะที่เด็กนักเรียนหญิงอีกคนซึ่งวาดรูปผู้หญิงอยู่ได้ประกาศว่า “ฉันคิดว่านักแสดงผู้หญิงนั้นมีความน่าสนใจมากกว่าผู้ชาย” จึงทำให้เกิดการะทะเลาะกันขึ้นก่อนจะเลิกราตอนเด็กสาวอีกคนที่ดูต้นทางประกาศว่าครูมา

‘Ms. v. Racket’ เป็นผู้ช่วยครูใหญ่จะเข้ามาตรวจความเรียบร้อยของ Manuela ซึ่งนักเรียนที่นี้ไม่มีใครชอบ Ms. v. Racket


บทเรียนของเด็กสาว

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


นักเรียนทุกคนจะต้องได้รับการสอนเรื่องมารยาทและการเข้าสังคม Manuela เริ่มกลายเป็นที่ไม่พอใจของเด็กสาวอีกคนคือ Treskow (Alexandra v. Treskow) อย่างช้า ๆ

ในขณะที่เหล่าแม่บ้านกำลังถกเถียงกันว่าทำอาหารด้วยขนมปังกับเนยแค่นี้มันจะไปพอเลี้ยงเด็ก ๆ ให้อิ่มท้องพอกินได้ยังไงเพราะอาหารมีน้อยลงทุกทีเพราะครูใหญ่ไม่ลงทุนและเด็กก็ได้แต่บ่นว่า “หิวโว้ย”

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


ในการประชุม ครูใหญ่จะเดินตรวจตราความเรียบร้อยของเด็กนักเรียนก่อนที่เด็กสาวจะเข้าแถวและเริ่มร้องเพลง ‘My hands are your instrument’ ความสนใจของ Manuela ที่มีต่อ Ms. v. Bernburg ก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางกฎเกณฑ์ทั้งปวง

“ฉันกลัวที่จะเดินไปตามลำพังโดยปราศจากความห่วงใยจากคุณ” (เพลง)

ครูใหญ่ประกาศกฎระเบียบที่เด็กสาวต้องปฏิบัติตาม ห้ามมีการลักลอบเขียนจดหมายโดยไม่ถูกตรวจสอบ ถ้าหากถูกพบก็จะถูกลงโทษโดย Ms. v. Racket ซึ่งเป็นผู้ช่วยของครูใหญ่ทันที


เรื่องราวของแม่

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


ที่ห้องนอนของหอพัก Manuela เล่าเรื่องของแม่ที่เพิ่งเสียไปให้ Kleist ฟังด้วยความรู้สึกคิดถึงแม่ Kleist ก็เล่าให้ฟังว่า “แม่ของตัวเองนั้นยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่เคยมีโอกาสได้พบ”

Kleist จึงมีความตั้งใจว่าเป็นคนใหม่ เป็นเด็กสาวชาวเยอรมัน เธอได้แอบตั้งชื่อให้ตัวเองใหม่ว่า “Yvette” และอนุญาตให้ Manuela เรียกเธอด้วยชื่อนั้นได้คนเดียวหากเก็บเป็นความลับ

ใกล้ ๆ กัน Wolzogan บ่นกับเด็กสาวอีกคนอย่างไม่พอใจว่า “ฉันจะไม่มีวันส่งลูกสาวฉันมาที่นี่เด็ดขาด” แต่เด็กสาวอีกคนก็แย้งขึ้นมาว่า “เธอจะทำแน่ ๆ เหมือนที่แม่ของพวกเราทำ แม่ทุกคนก็เคยอยู่ที่นี่มาก่อนกันทั้งนั้นยังส่งเรามาเลย”

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


จากนั้น Ms. v. Bernburg ก็เข้ามาไล่ให้ที่สามคนรีบตามเพื่อนไปอาบน้ำ แต่เรียกให้ Manuela อยู่ต่อเพื่อที่จะตักเตือนเรื่องที่ Manuela แอบเก็บไดอารี่ไว้ แต่ Manuela ได้เถียงขึ้นมาว่า “มันเป็นของส่วนตัว ไม่ใช่ธุระ อย่ามายุ่ง” ก็ถูก Ms. v. Bernburg ปรามด้วยสายตาทันที  ก่อนให้เหตุผลใหม่ไปว่า “ไม่เคยมีใครที่บ้านอ่านมัน เธอจึงอยากเก็บไว้กับตัวเอง”

ด้วยความเป็นแม่พระของเด็ก ๆ ผู้มอบความรักและความเข้าใจ Ms. v. Bernburg จึงอนุญาตให้ Manuela เก็บไอดารี่ไว้ได้ในความผิดครั้งแรกและจะยังไม่หักคะแนนหรือลงโทษใด ๆ

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง
นักปลุกระดม Westhagen


ที่ห้องอาบน้ำคือสถานที่ที่เด็กสาวทุกคนจะได้ปลดเปลื้องเครื่องแบบออกและเป็นตัวของตัวเอง พวกเธอจะพูดคุยกันเสียงดัง ในขณะที่ Westhagen มักจะทำตัวเป็นหัวโจกในการปลุกปั่นความสนใจจากผู้คนด้วยการแสดงท่าทีล้อเลียนครูใหญ่ จน Ms. v. Bernburg ได้เข้ามาเห็นและเตือนให้ระวังปากของตัวเอง ก่อนเดินไปตรวจเช็กความเรียบร้อย ของเด็กคนอื่น ๆ

“รีบอาบน้ำจะได้ปิดไฟเข้านอน”


ความกังวลใจ

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง
Ms. v. Racket กับครูใหญ่

Ms. v. Racket นั้นไม่ชื่นชอบ Ms. v. Bernburg ถึงการกระทำที่หละหลวมหรือการเป็นครูที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอ่อนไหวกับเด็กสาว (คือควรจะเข้มงวด เคร่งครัดกฎระเบียบมากกว่านี้) เรื่องมันช่างน่าอาย

จึงได้แจ้งความข้องใจกับครูใหญ่ต่อการที่ครูใหญ่ส่ง Manuela เด็กหญิงที่เพิ่งสูญเสียแม่ ไปอยู่ในความดูแลของ Ms. v. Bernburg มันจะกลายเป็นสิ่งไม่สมควร แต่ครูใหญ่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก

ในตอนที่ตรวจสอบบิลรายจ่ายของโรงเรียน ก็ได้พบว่างบมีน้อย Ms. v. Racket ได้แจ้งกับครูใหญ่ว่า “พวกนักเรียนร้องเรียนมามากเรื่องหิวโหยและต้องการอาหารในแต่ละมื้อที่มากกว่านี้” เด็กจะอดตายกันอยู่แล้ว

แต่ครูใหญ่ไม่ได้ใส่ใจ บอกว่าเหล่าผู้ชายต่างลำบาก อดอยากอยู่ในสนามรบ ผู้หญิงซึ่งจะเป็นเหล่าแม่ของทหารจะมากินหรูอยู่สบายกันได้ยังไง ถ้าหากจะอดก็ต้องอดนั่นคือคำขาด!!


Good Night Kiss

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง

ก่อนเข้านอน ครูประจำชั้นจะเป็นคนมาส่งเด็กทุกคนเข้านอนด้วยการดับไฟแต่ทว่าในชั้นของ Ms. v. Bernburg นั้นต่างออกไป

ในความมืด เด็กสาวทุกคนจะยืนรออยู่ที่ปลายเตียงของตัวเองด้วยความตื่นเต้น ขณะที่ Ms. v. Bernburg จะส่งเด็กทุกคนเข้านอนด้วยการเดินจุมพิตที่หน้าผากพร้อมกับเรียกชื่อกล่าวราตรีสวัสดิ์ทีละคน เหมือนแม่ที่ส่งลูก ๆ เข้านอน เด็กทุกคนก็จะตอบกลับ Ms. v. Bernburg ว่าราตรีสวัสดิ์เช่นเดียวกัน

Kleist ก็ได้บอกให้ Manuela ลูกขึ้นมา “มันเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย” เพราะเป็นช่วงเวลาเดียวที่พวกเธอจะได้รับความรัก ความเมตตาจากครูอันเปรียบเสมือนผู้เป็นแม่คนที่สองในบ้านที่แข็งกระด้างหลังนี้

เมื่อถึงตาของ Manuela ก่อนที่จะกล่าวราตรีสวสัดิ์ Ms. v. Bernburg ได้กล่าวกับ Manuela ว่า…เธอหวังจะเห็น Manuela ได้ใช้ชีวิตที่มีความสุขที่นี่


“ทุกคืนก่อนเข้านอน ให้เธอบอกกับตัวเองว่า
‘ฉันมีความสุขจริง ๆ เมื่ออยู่ที่นี่’
มันจะช่วยเธอได้ สัญญากับฉันได้ไหมว่าเธอจะทำ”

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


แล้ว Ms. v. Bernburg ก็ส่ง Manuela เข้านอนด้วยจุมพิตที่หน้าผาก (แต่หนังทำซีนราวกับว่าเป็นฉากรัก ใช่ Manuela ตกหลุมรัก Ms. v. Bernburg ฉันก็ด้วย ใครไม่รู้ฉันรู้)

เมื่อ Ms. v. Bernburg ดับไฟ แล้วค่อย ๆ เดินจากไป Manuela ส่งสายคอยจ้องตามองจนกว่า Ms. v. Bernburg จะเดินหายไปด้วยความรู้สึกที่กำลังโชติช่วงอยู่ในใจ

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง



ระฆัง จดหมาย
และวีนัส

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


เสียง ‘ระฆัง’ ถูกสั่นดังขึ้นโดยหัวหน้านักเรียน เด็กสาวออกมาวิ่งเล่นข้างนอก เด็กหญิงสองคนแอบเขียนจดกหมายรักหากัน แต่ถูก Ms. v. Bernburg จับได้ ด้วยความไม่ถือสาเธอจึงบอกให้เผามันซะและจะไม่ลงโทษใด ๆ 

Manuela ออกมาเดินเล่นกับ Kleist และ Westhagen ได้ผ่านมาเห็นเหตุการณ์นั้นอยู่ห่าง ๆ 

Kleist บอกว่าตัวเองอยากโตขึ้นมาเป็นครูแบบ Ms. v. Bernburg ไม่ใช่การเป็นครูที่สวยน่ารักอย่างที่ Manuela เข้าใจแต่เป็นครูที่ใจดี ส่วน Westhagen กลับแย้งขึ้นมาว่า “ฉันอยากแต่งงานมากกว่า คนเราจะมาเป็นครูก็ต่อเมื่อหาสามีไม่ได้เท่านั้นแหละ”

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง
จากซ้าย Kleist Manuela และ Westhagen


Manuela เลยถามด้วยความสงสัยว่า “รู้ได้ไงว่า Ms. v. Bernburg ยังไม่แต่งงาน”

แล้วเด็กทั้งสามคนก็ได้ไปแอบดูภาพวาด ‘กำเนิดวีนัส’ ที่ซ่อนไว้ในโบสถ์ Manuela บอกว่าไม่ชอบมันเพราะวีนัสดูโป๊มาก (ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าไง) แต่ Westhagen ให้เหตุผลว่า “เธอแค่ถือกำเนิดขึ้นมาเองนะ เป็นดุจเทพีแห่งความรัก” พูดถึงมันอย่างหลงไหล


ชั้นเรียนของ
Ms. v. Bernburg

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


ในวิชาวรรณกรรม Ms. v. Bernburg เรียกชื่อนักเรียนให้ตอบคำถามทีละคนเพื่อให้คะแนน แต่เมื่อ Manuela ถูกเรียกกลับค้างนิ่งและตอบคำถามไม่ได้ ขณะที่เด็กคนอื่นตอบได้หมด 

Ms. v. Bernburg จึงให้โอกาส Manuela อีกครั้ง ว่าถ้าหนนี้ตอบไม่ได้อีกจะหักคะแนนนะ แต่เมื่อถูกเรียก Manuela ก็ยังไม่สามารถตอบได้ แม้เด็กคนอื่น ๆ จะคอยกระซิบบอกคำตอบให้ก็ตามก่อนจะถูกหักคะแนนไปตามระเบียบ

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


เหล่าครูประชุมกันถึงเรื่องบทเรียนของเด็กสาวและ Ms. v. Bernburg ก็ถูกตำหนิที่หย่อนยานกับเด็ก ๆ มากเกินไป ทำไมไม่ยอมเคร่งครัด ปล่อยเกรดหรอ Ms. v. Bernburg จึงให้เหตุผลว่า “เด็กทุกคนทำได้ดีอยู่แล้ว” คะแนนจึงออกมาดี ไม่ได้ปล่อยเกรดนะจ๊ะ

แต่ก็ไม่วายที่ Ms. v. Racket จะหาเรื่องด้วยการยกกรณีของ Manuela ขึ้นมาว่าก็ทำได้ไม่ดี่เท่าไหร่นะ แต่ Ms. v. Bernburg ก็ให้เหตุผลไปอีกว่า Manuela อ่ะ เขายังใหม่ ยังต้องการเวลาปรับตัว ไม่นานก็จะพัฒนาเองแหละเพราะเธอเพิ่งเสียแม่ ช่วงนนี้ก็อาจจะยังเศร้า ๆ ตามเพื่อนไม่ทันบ้าง ไรบ้าง

ครูใหญ่ก็รีบตำหนิทันทีเลยว่า “อย่ามาแก้ตัว”

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


แม่พระ Bernburg ก็บอกว่าไม่ได้แก้ตัวสักหน่อย เด็ก ๆ น่ะก็แค่ต้องการการซัพพอร์ต ช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ต้องการ ‘มือที่ยื่น’ เข้าไปช่วยก็เท่านั้น

แต่ครูใหญ่ใหญ่ก็ยังคงยึดมั่นในแนวทางการเข้มงวดของตัวเองอย่างไม่หย่อนยานต่อไป “มือแบบไหนกันฉันไม่เห็นว่าจะจำเป็นเลย” Ms. v. Racket กับครูใหญ่ ถึงขนาดกล่าวหาว่า Ms. v. Bernburg เป็นความน่าละละอาย คงได้แต่หวังว่าจะดีขึ้นในสักวัน

(นี่แหละค่ะดีที่สุดแล้ว เด็กนักเรียนรู้ มานูเอล่ารู้ ดิฉันรู้ แม่พระ Bernburg แปลว่าดีที่สุดแล้ว จะไม่ยอมเปลี่ยนไปใจยักษ์ใจมารหรอกค่ะ)


ไดอารี่ของฉัน
ให้เธอคนเดียวนะ

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


หลังจากเสียหน้าในห้องเรียน Manuela ก็ถือไดอารี่ไปแก้ตัวกับ Ms. v. Bernburg ที่ห้องทำงานของ Ms. v. Bernburg ด้วยการตอบคำถามที่ถูกต้องทั้งหมด เพื่อบอกว่า “หนูไม่ได้โง่นะคะ แต่พอเห็นคุณจ้องมาในห้องเรียนด้วยสายตาเย็นชาแล้วเนี่ย หูคิดอะไรไม่ออกเลยค่ะ ลืมหมด”

Ms. v. Bernburg ก็เลยเรียกให้เข้าไปหา พอนั่งลุงปุ๊บ Manuela ก็ก่อดราม่าทันทีด้วยการฟุบหน้าร้องไห้ พอโดนถามว่าร้องทำไมก็บอกว่า “ไม่รู้ค่ะ”

Ms. v. Bernburg เลยถามกลับว่า “ไม่รู้หรือบอกไม่ได้คะ” (ฮันหน่อว)

Manuela จึงให้ไดอารี่ของตัวเองกับ Ms. v. Bernburg แล้วบอกว่า “หนูอยากให้คุณรู้ รู้ทุกเรื่อง นี่ค่ะ ไดอารี่ของหนู หนูจะให้มันกับคุณแล้วไม่ว่าอะไรหรอกถ้าคุณจะอ่านน่ะนะ”

Ms. v. Bernburg จึงได้แต่รับเอาไว้อย่างเต็มใจบ้างไม่เต็มใจบ้าง ในฐานะแม่ของเด็ก ๆ แล้วก็ปฏิเสธไม่ได้  แม่พระจริง ๆ แถมยังให้ผ้าไปซับน้ำตาด้วยแต่ก็ขอคืนไวมาก

“ทีนี้จะบอกได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ”

Manuela ก็สารภาพไป “เรื่องคืนก่อนที่ Good Night Kiss น่ะ หนูมองตามหลังคุณไปในความมืดแต่ใจหนูอยากเดินตามคุณออกไปมากเลย แต่รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ หนูล่ะเสียใจ๊ เสียใจ คุณน่ะช่างดูห่างเหิน เข้าไม่ถึงจริง ๆ”

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


ความลำบากใจก็เลยไปตกอยู่ที่ Ms. v. Bernburg “ฉันไม่ได้ใจดีแค่กับเธอหรอกนะ ฉันก็ดีกับทุกคนนั่นแหละ จะทำตัวเป็นพิเศษหรือมาสองมาตรฐานกับใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ เดี่ยวเด็กคนอื่นจะไม่พอใจ ฉันชอบพวกเธอทุกคนเลย ถ้าให้ดีคราวหน้าในชั้นเรียนเธอก็ลองตอบคำถามให้ถูกดูนะ” (หลอกเด็กเก่งที่หนึ่งเลย)

แล้วก็เอาเรื่องละครเวทีมาล่อว่าถ้า Manuela รักษาคะแนนให้ดีได้จะสามารถเข้าร่วมเล่นละครเวทีที่กำลังจะมีเล่นในงานวันเกิดของครูใหญ่ได้ด้วยนะ

แล้ว Ms. v. Racket ก็เข้ามาขัดจังหวะพอดี แม่ย้อย เพื่อที่จะคุยเรื่องละครเวทีในงานวันเกิด ว่าเลือกจะเล่นเรื่องโรมิโอกับจูเลียตของเช็คสเปียร์ไงล่ะ

(ไม่ใช้เงินเลี้ยงอาหารเด็กแต่ใช้จัดงานวันเกิดได้นะคะ)


โรมิโอกับจูเลียต

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


แล้วก็ไม่รู้อีท่าไหน Manuela ได้เล่นเป็น ‘โรมิโอ’ ส่วน ‘จูเลียต’ ก็คือ Kleist เพื่อนรักของนางนั่นเอง

แต่ครูคนที่กำกับเรื่องนี้เป็นครูชาวฝรั่งเศส Ms.Aubert ออกจะไม่ชอบการแสดงของ Manuela ก็ตำหนิใหญ่ โดยเฉพาะ ‘ฉากที่โรมิโอหลอกขโมยจูบจากจูเลียต’ ตอนพบกันแรก ๆ  ทำให้ดูก็แล้วยังไม่ถูกใจ “ถ้าเล่นไม่ได้ ดิฉันจะเปลี่ยนคนแสดงนะคะ”

Manuela ฟังภาษาฝรั่งเศสไม่ค่อยออก ตอนเขาด่าก็เลยไม่รู้เรื่องได้แต่แอบมาถาม Kleist ว่าเขาพูดอะไร …ตลกดี

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง

ตรงนี้ Ms. v. Bernburg ก็มาแอบดูพัฒนาการของเด็ก ๆ แล้วยืนยิ้มอยู่ที่ประตู (เด็กคนเดียวใช่ไหมคะที่มาดูน่ะ? ตอบสิคะ) พอเห็น Manuela ที่โดนตำหนิก็มีเป็นห่วงอยู่บ้าง

พอเลิกซ้อมถึงเวลาพักก็เลยเรียก Manuela ไปคุยส่วนตัว ทีนี้เด็กคนอื่นก็ลือกันใหญ่เลยว่า Manuela โดนเรียกไปตำหนิเรื่องที่เถียง Ms.Albert ตอนซ้อมละคร

ซึ่งความจริงไม่ใช่ค่าาา Ms. v. Bernburg ตาม Manuela ไปเพื่อจะติวพิเศษฉากจูบของโรมิโอกับจูเลียตให้เป็นการส่วนตัว (ไม่มีอะไรในกอไผ่จริง ๆ) 

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


“โรมิโอเป็นชายหนุ่มสูงศักดิ์ เดี๋ยวฉันจะอ่านบทจูเลียตนะ เรามาลองกันอีกที”

หนนี้ Manuela ก็เล่นตามที่ Ms.Aubert สอนมา *kiss in the air* แต่ Ms. v. Bernburg ไม่เชื่อค่ะว่านั่นคือโรมิโอ เอาไงดีละ

“อย่าลืมนะว้าโรมิโอเป็นชายหนุ่มที่กำลังตกหลุมรัก ลองใหม่อีกครั้งละกันนะคะ ช่วยทำให้เหมือนคนตกหลุมรักหน่อย”

หนนี้ Manuela ก็วิญญาณเช็กสเปียร์เข้าสิง ตีบทแตกเหมือนเขียนเอง ขุดความรู้สึกเข้าไปเทียบเคียงกับตัวละครโรมิโอได้ดีจน Ms. v. Bernburg *เคลิ้ม* เหมือนชายหนุ่มที่ตกหลุมรักอย่างหนักจริง

แล้วตอนนั้นเอง Manuela ก็ขโมยจูบ Ms. v. Bernburg ค่ะ
(เด็กนี่มันร้าย แต่เล่นดีจริง อันนี้ยอมรับ เห็นแล้วเคลิ้มเลย ดีกว่าตอนแสดงจริงในงานวันเกิดอีก)

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


Ms. v. Bernburg จะทำไงล่ะ ก็ตามน้ำสิคะ รออะไร
Manuela จูบเสร็จก็โผกอดเขาร้องห่มร้องไห้ทันที

Ms. v. Bernburg เลยแก้เขินว่า “เนี่ยอะหรอ  โรมิโอของเธอน่ะ” แล้วเวลาพักก็หมดลงพอดี เด็กสาวคนอื่นก็รีบวิ่งกรูกันเข้ามาในห้องเรียน เพราะนึกว่า Manuela โดนทำโทษ จะรีบมาดู 

Ms. v. Bernburg เลยเปลี่ยนเรื่องแทบไม่ทัน พิรุธสุด ๆ พอเริ่มชั้นเรียนแล้วถึงกับนั่งใจคอไม่ดีกันเลยทีเดียว (เสียท่าให้เด็กจริง ๆ)

ความ Win ของ Manuela คือพอเพื่อนถามว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตอบนิ่ง ๆ ว่า “ไม่มีอะไร”


บ่ายวันอาทิตย์

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


Manuela ก็ยังได้รับบทโรมิโอต่อไป

ในบ่ายวันอาทิตย์ Ms. v. Bernburg ก็ออกไปทำธุระข้างนอกโดยฝากนักเรียนในชั้นของเธอไว้กับ Ms. v. Racket (ฝากกับใครไม่ฝาก ไปฝากกับนังปีศาจ) แถมยังเดินมาทักทายและเล่นมุกกับ Manuela ที่นั่งตกปลาซ้อมบทกับ Kleist อยู่ด้วย

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


(Lilli Palmer สวยวัวตายความล้มจริง ๆ เป็น Ms. v. Bernburg ที่ยิ้มทีเห็นแล้ว ตายเลย)

แล้ว Treskow ก็เริ่มสังเกตเห็น จับได้ว่า Manuela เนี่ย มันต้องมีอะไรกับ Ms. v. Bernburg ที่นางปลื้มแน่ ๆ (ที่จริงแอบตามดูมาตั้งแต่ตอน good night kiss แล้ว)

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


ทีนี้เด็กนักเรียนที่โดนสั่งให้อดมื้อกินมื้อก็เริ่มทนไม่ไหว Wolzogan ก็บ่น ทุกคนก็บ่น Westhagen ถึงขนาดเขียนจดหมายไปฟ้องพ่อแม่ ทั้งที่การลักลอบเขียนจดหมายเป็นเรื่องผิดกฎ

“ฉันไม่ได้อยากเป็นแบบผู้ชายในรูปปั้นทองเหลืองซะหน่อย”

ตอนนี้ก็มีฉากที่หัวหน้านักเรียนไม่อนุญาตให้คนอื่น ๆ นอนบนเตียงในตอนกลางวันเพราะผิดกฎพร้อมกับแอบแย่งภาพวาดของเด็กคนที่เคยเขียนจดหมายให้แฟนสาวมาด้วย แต่ก็ไม่มีใครเอาใจช่วยหัวหน้านักเรียนเช่นเคย

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


Manuela กับเพื่อนสามสี่คนก็มาจับกลุ่มกันตรง’บันได’ ชั้นบนสุด (บันไดหลักของเรื่อง ตรงที่เจอกับ Ms. v. Bernburg นั่นแหละ) แล้วพยายามหาว่ามันสูงเท่าไหร่ เลยใช้วิธีการโยนของแล้วคูณด้วย 9.8 ค่าความโน้มถ่วงของโลกไป แต่ตอนโยนของลงไปก็โดนหัวหน้านักเรียนด่าตามเคย


มือขวาอยู่ไหน

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง

“นอกจากจะต้องอดอยากแล้ว ยังถูกใช้ให้ทำงานอีก พ่อแม่ที่รัก ช่วยส่งอาหารมาด่วน ยัยแก่ Racket น่ะ เอาแต่ใช้งานเรา จากลูกรัก Ilsa v. Westhagen” เนื้อความในจดหมายของ Westhagen ที่อ่านให้เพื่อน ๆ ฟังตอนกำลังถูกใช้ให้ปักชุนถูงน่อง

แล้ว Ms. v. Racket ก็เข้ามาขัดจังหวะ (ตามเคย) จึงต้องซ่อนจดหมายไว้ใต้กองถุงน่องและก่อนที่จะถูกจับได้ Wolzogan ก็เดินร้องเพลงเข้ามาพอดี แถมเป็นเพลงที่เอาไปร้องเพี้ยน ๆ เพื่อล้อเลียนด้วย

“Mr.adjutant มือขวาของคุณอยู่ไหนล่ะ คุณต้องใช้ทั้งสองมือนะ สำหรับบ้านเกิดเมืองนอนของเรา ละเก็บมือซ้ายไว้ช่วยตัวเองสินะ” (ประมาณนี้ ล้อเลียน  ‘My hands are your instrument’ ที่พูดถึงมือขวา แต่ไม่เห็เจอเลย)

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง
Wolzogan คือเด็กแว่นที่ยืนตกใจอยู่ คู่หู Westhagen


Ms. v. Racket ก็ถามว่า “ใครสอนมาเนี่ย ไอ้เพลงสับดนแบบนี้” Wolzogan เลยบอกว่า “พ่อสอนมา” พอพูดถึงผู้ชายเลยไม่กล้าด่าต่อ หันมาหาเรื่อง Manuela ที่นั่งเย็บเสื้อในอยู่แทนที่จะเย็บถุงน่องว่า “นี่มันอะไรเนี่ย มันน่าอายมากนะ ทำอะไรอ่ะ รับไม่ได้ อี้ๆๆ”

Manuela ก็เลยบอกไปว่า “เสื้อในหนูมีแค่สองตัวอ่ะค่ะ เก่าจนขาดหมดแล้วก็เลยต้องมาเย็บเอง” แต่ไม่รู้ไปคิดอีท่าไหนของ Ms. v. Racket เขาว่า “งั้นฉันจะตรวจตู้เสื้อผ้าเธอพรุ่งนี้ ถ้ามีใคร ‘ยื่นมือมาช่วย’ ล่ะก็โดนดีแน่” อยากเย็บนัก เย็บไปซะ

พอ Ms. v. Racket ไป เด็กก็สาปส่งกับตามเป็นแถวเลย สุดท้าย Manuela ก็ต้องมานั่งเย็บเสื้อในต่อไป โดยไม่มีใครช่วยได้ เย็บไป ท่องจำบทละครไป จนดึกดื่น


เสื้อชั้นใน

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


แล้ว Ms. v. Bernburg ก็กลับมา พอจะเดินไปห้องตัวเองก็เปลี่ยนใจมาดูเด็ก ๆ หน่อยดีกว่าว่า ‘เด็กที่น่ารักทั้งหลายหลับนอนสบายดีกันหมดรึยังนะ’ ก็เจอกับ Manuela ที่นั่งเย็บเสื้อในอยู่พอดี ก็ถึงกับตกใจว่า “ทำไมยังไม่นอนเนี่ย นั่งทำอะไรอยู่สาวน้อย”

“เย็บเสื้อในค่ะ”

“ไม่ใช่เสื้อในสักหน่อย ที่เห็นเนี่ย ผ้าขี้ริ้วชัด ๆ แล้วทำไมไม่เขียนจดหมายไปบอกป้า ให้ป้าส่งมาให้สักตัวล่ะ”

“ป้าหนูก็เป็นคนห่างเหินน่ะค่ะ ห่างไกลและเย็นชาเหมือนพระจันทร์ หนูคงไม่เขียนไปหาหรอก พรุ่งนี้ Ms. v. Racket ก็จะขอตรวจแต่เช้าด้วย ไม่น่าทันแล้วล่ะค่ะ” Manuela ก็ให้เหตุผลไป Ms. v. Bernburg ก็เลยบอก Manuela ให้

“ตามฉันมาสิ”

ตอนนั้น Treskow ก็หูดีตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินบทสนทนาพอดี เลยแอบเดินตามไปเผือกอย่างเงียบ ๆ ผนวกกับ Westhagen ก็แอบออกมาเอาจดหมายให้แม่บ้านช่วยลักลอบส่ง


ที่ห้องของ Ms. v. Bernburg คุณครูผู้เป็นแม่พระก็ขุดชุดชั้นในของตัวเองให้กับ Manuela ไปหนึ่งตัว!  .…โดยไม่คิดอะไร แต่เด็กคิด (บ้าไปแล้ว) 

Manuela ก็ตื่นเต้นว่า “ให้หนูจริง ๆ หรอคะ ให้หนูเอาไปใส่ได้จริง ๆ หรอคะ” (แบบเธอขา เขาให้เพราะเธอไม่มีไง!! จะมาคงมาเคลิ้มอะไร) Ms. v. Bernburg เลยบอกขำ ๆ ว่า “ถ้าไม่ใส่แล้วจะเอาไปทำอะไรล่ะ สาวน้อย”

แล้ว Manuela ก็พยายามจะบอกอะไร Ms. v. Bernburg บางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป ได้แต่ขอบคุณ Ms. v. Bernburg ก็เลยบอกราตรีสวัสดิ์ แบบตัดบทสนทนาก่อนเด็กมันจะเคลิ้มไปไกลกว่านี้

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


แต่ก่อนไป Manuela ก็พิรี้พิไร บอก Ms. v. Bernburg ว่า “ตอนคุณหายไปในบ่ายวันอาทิตย์พร้อมกับชุดกระโปรงแสนสวยของคุณน่ะ หนูนึกว่าคุณจะไม่กลับมาอีกแล้ว”

“แล้วทำไมฉันต้องไม่กลับมาล่ะ”

Manuela ก็บอกไม่รู้ค่ะ แล้วย้อนถามไปถึงเรื่องคืนแรกถึงสิ่งที่ Ms. v. Bernburg บอกกับตัวเองว่า “หนูทำตามที่สัญญากับคุณแล้วนะ ทำทุกวันเลย แต่อยากรู้ว่าคุณก็ทำเหมือนกันรึเปล่า”

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


Ms. v. Bernburg เลยบอกด้วยความเมตตาว่า “ทำสิ แต่ฉันไม่ได้พูดก่อนนอนเหมือนเธอหรอกนะ ฉันพูดตอนเห็นหน้าพวกเธอทุกคนในตอนเช้าทุกเช้าเลย ว่าฉันมีความสุขที่นี่จริง ๆ” (คือรักเด็กแหละ ดูออก แม่พระ แต่ทำไมต้องให้ Manuela บอกตัวเองตอนกลางคืน เพราะมันมี Good night kiss รึเปล่า นี่ก็เพิ่งมาเอะใจ นึกถึงฉันแล้วมีความสุขซะสิ)

พอหันมาเห็น Manuela ดูเคลิ้มอีกก็บอกราตรีสวัสดิ์ พร้อมกับ ‘ยื่นมือ’ ให้จับ ทั้งที่ปกติจะไม่ค่อยแตะเนื้อต้องตัวกัน หนนี้ Manuela คว้ามาหอมเลย เหิมเกริมมากจน Ms. v. Bernburg ต้องสั่งให้ปล่อยอย่างเสียท่า (อีกแล้ว ใช่ค่ะ Ms. v. Bernburg เสียท่าเด็กอีกแล้วค่ะ)

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


พอ Manuela ออกมาจากห้อง Ms. v. Bernburg  ก็ถูก Treskow แอบฟัง เห็นและได้ยินไปหมดแล้ว พอเข้านอน Manuela ถึงกับเอาชุกชั้นในมานอนกอดแนบหน้าตอนกลางคืน (ไปสุดจริง ๆ เด็กคนนี้) Treskow เห็นก็เลยเสียใจมาก (นางก็รักของนางแหละ)


ละครเวที

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


หลังจากเด็ก ๆ ไม่มีกิน แต่ครูใหญ่มีปัญญาจัดงานเลี้ยงวันเกิดรับแขกเสียใหญ่โต ได้เกิดเหตุบังเอิญพบจดหมายของ Westhagen ที่ถูกตีกลับเพราะที่อยู่ไม่ชัดเจน ครูใหญ่จึงตำหนิ Ms. v. Racket ให้ไปจัดการถอด Westhagen ออกจากบทบาทหลวงในละครเวทีเดี๋ยวนี้ ซึ่ง Westhagen ตั้งใจมากที่จะเล่นบทนี้ เลยเสียใจสุด ๆ 

คนที่มารับบทแทนก็เป็น Wolzogan นั่นเอง ซึ่งจำบทไม่ทัน ขึ้นเวทีไปแบบงง ๆ ก็เลยค้างเติ่งบนเวที พูดบทไม่ออก Westhagen เลยพรวดพราดเดินเข้าฉากมาอย่างจงใจแล้วพูดบทออกไปแทน ครูใหญ่โกรธมาก แต่พอคนอื่นหัวเราะเห็นเป็นเรื่องตลกก็เลยปล่อยผ่านไป

ส่วน Manuela นั้น ทุกคนชมกันว่าแสดงได้ดี ไร้ที่ติ แถม Ms. v. Bernburg ยังนั่งดูอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องในเด็กฉันด้วย ปั้นมากับมือ พอละครจบก็เดินมาชมความพยายามของเด็ก ๆ ทุกคน

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


Treskow ที่อารมณ์ไม่ดีรู้ความลับสองคนนี้ก็หาเรื่อง ทำเป็นถาม Ms. v. Bernburg ว่า “ชอบใครมากที่สุดในละครหรอคะ” Ms. v. Bernburg ก็บอกชอบ Westhagen ที่สุด ตอนเข้ามาแก้สถานการณ์ได้ดี แต่ก็ยังไม่วายชื่นชมความสำเร็จของโรมิโอด้วย


งานเลี้ยง

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


ในงานเลี้ยงคือมีอาหารสมบูรณ์พร้อมมาก เด็กทุกคนเหมือนหิวโหย แม่บ้านที่ฟังเพลงของเด็ก ๆ จนเพลินก็เผลอใส่เหล้าลงในน้ำพั้นซ์จนหนักมือไปหน่อย เด็กเลยไม่กินกัน Manuela ที่กำลังอารมณ์ดีก็เลยเหมาหมด ดื่มหนักจนเพื่อนเตือน

Treskow ก็เตือน Manuela ด้วยความอิจฉาว่า “ฉันรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นคืนก่อน ถ้า Ms. v. Racket รู้ล่ะก็โดนดีแน่” แต่ Manuela กำลังดีไงมากก็เลยไม่ได้ใส่ใจ ต่อว่าไปจน Treskow น้อยเนื้อต่ำใจเบา ๆ

เพราะมีแต่คนชอบบทโรมิโอที่ Manuela เล่นเพื่อนก็เลยขอให้พูดโมโนล็อกอีกรอบ แต่หนนี้ Manuela ก็เมาซะแล้ว จึงพูดโมโนล็อกออกมา พร้อมชื่อ Ms. v. Bernburg 

“…สิ่งนั้นคืออะไรเป็นเหมือนดวงตะวัน เหมือนบทเพลงเบา ๆ พระจันทร์ยังอิจฉา จูเลียต…ที่รัก Ms. v. Bernburg

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


จนเพื่อนงงว่ายัยนี่มันเพ้อเจ้ออะไร แต่ด้วยความเมาแล้วหวนกลับไม่ได้ “ทำไมมองฉันอย่างนั้นล่ะ ไม่เชื่อหรอ เธอรู้ดี เธอน่ะรักฉัน ฉันก็รักเธอ เธอน่ะให้ชั้นในกับฉัน เป็นผ้าไหม ขอให้ฉันใส่มันแล้วรู้สึกถึงเธอ เธอไม่ได้พูดอย่างนั้นหรอก แต่ก็หมายถึงอย่างนั้น ฉันรู้ เธอรักฉัน”

ทุกคนก็รอฟังอย่างตั้งใจเลยว่า “ใครคือคนที่ให้เสื้อชั้นใน” เพ้อเจ้อเรื่องอะไรพูดออก Kleist ก็เตือนเบา ๆ แต่สุดท้าย Manuela ก็พูดชื่อของ Ms. v. Bernburg ออกมา เด็กถึงกับมองหน้ากันเองเลย

แล้วความซวยก็มาเยือนเพราะก่อนหน้านั้น Treskow ก็ไปฟ้อง Ms. v. Racket ว่า Manuela เมาแล้วให้ตามมาดูหน่อย ครูใหญ่กับ Ms. v. Racket ก็ตามมาดูพอดีแล้วบังเอิญได้ยินสิ่งที่ Manuela เพ้อเจ้อทั้งหมด เลยบอกว่ามันเป็นเรื่อง “ต้องห้าม” ผิดสุด ๆ ไปเลย


Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง

แต่ Manuela ก็ยังประกาศต่อหน้าทุกคนและครูใหญ่ว่า “ฉันไม่กลัวหรอก ฉันรักเธอ ฉันรัก Ms. v. Bernburg และฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ฉันรักเธอ” ก่อนสลบไป


เคาน์เตส

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


เพราะสิ่งที่ Manuela ทำมันผิดกฎมาก ๆ ครูใหญ่ก็เลยคาดโทษไว้ว่าจะมาจัดการแน่ ๆ ไม่แน่ใจว่าจะไล่ออกหรือย้ายที่แรียน แต่กักบริเวณไว้ก่อนไม่ให้ออกไปไหนจากห้องพยาบาล แต่สิ่งที่ Manuela เป็นหวงที่สุดคือ Ms. v. Bernburg ไม่ใช่ตัวเอง

Ms. Evan ครูชาวอังกฤษก็มาเตือน Ms. v. Bernburg ว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นน่ะ มันเสียหายต่อตัวครูมากนะ คุณน่ะเป็นเหยื่อของเรื่องนี้” แต่ Ms. v. Bernburg ก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไรบอก “ตัวฉันมีมโนธรรมที่แจ่มชัดพอ รู้ผิดรู้ถูกดี” คือคงไม่มีทางโทษ Manuela คนเดียวแน่ ๆ

แล้วดูสิ่งที่ Ms. Evan ตอบมา”แต่ฉันไม่คิดว่าเท่านั้นมันจะพอหรอกนะ”

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


Ms. v. Bernburg เลยสงสัยว่า Ms. Evan คงไม่เชื่อเรื่องนั้นใช่ไหม แต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่า “หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง ฉันเข้าข้างคุณนะ แต่ก็ไม่อยากโยนหินให้น้ำกระเพื่อม”

Ms. v. Racket ก็สั่งไม่ให้มีใครเข้าพบ Manuela ได้ นอกจากตัวเองและแม่บ้านเท่านั้น แต่เคาน์เตส (ผู้อุปถัมโรงเรียน) ก็มาพอดี เนื่องจากมาไม่ทันการแสดงก็เลยตามมาอวยพรครูใหญ่ทีหลัง เด็กทุกคนก็เลยต้องออกไปต้อนรับยกเว้น Manuela ที่โดนกักบริเวณอยู่

แต่เคาน์เตสก็รีเควสมาว่าอยากพบ Manuela เป็นการพิเศษ จึงต้องยอมให้มาโดยมีข้อห้ามว่าไม่ให้ใครพูดกับ Manuela เนื่องจากเคาน์เตสรู้จักแม่ของ Manuela ที่เพิ่งเสียไป เลยเป็นห่วง อยากรู้ว่าคนลูกจะสบายดีไหมในโรงเรียนนี้ แล้วถามว่าทำไมดูป่วย ๆ ล่ะ ทุกคนก็ปิดเรื่องไม่มีใครพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเลย

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


ฉากนี้ชอบมาก
Ms. v. Bernburg ตีเนียนแอบเหล่ Manuela อยู่ข้างหลังเพราะเป็นห่วงแบบห่าง ๆ แต่พอ Manuela หันไปดู ก็ทำเมิน ไม่เห็น ไม่ได้ม๊อง ไม่มีใครมอง

Westhagen กับ Wolzogan ตั้งใจจะฟ้องเคาน์เตสถึงทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียน(ร้อองเรียน) โดย Westhagen จะเป็นคนพูดแน่ ๆ แต่พอถึงเวลากลับปอด พูดไม่ออก

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


ตอนนี้ Manuela ก็เริ่มดูอาการไม่ดีแล้ว ดูซึม ๆ Kleist ที่เป็นเพื่อนสนิทก็แอบเป็นห่วงว่าจะเป็นอะไรไป แต่ Ms. v. Racket ก็คือห้ามคุยคือห้ามคุย ไม่ใช่คุยได้อยู่ ไล่ให้ Manuela กลับห้องพยาบาลไปซะ แล้วบอก Kleist ให้ใจเย็น


เด็กสาวที่โหนอยู่ตรงบันได

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง

Ms. v. Bernburg ถูกครูใหญ่ตำหนิชุดใหญ่ไฟกระพริบมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยืนยันปณิธานของตัวเองในการสั่งสอนนักเรียนตามที่เป็นมา ก่อนจะถูกห้ามไม่ให้พบกับ Manuela อย่างเด็ดขาด!

ช่วงนี้จะมีฉากเม้ามอยของเหล่าแม่บ้านที่ในครัวบ่อยมาก ประหนึ่งเป็นคอรัสดำเนินเรื่อง เล่าว่า Ms. v. Bernburg ซวยแล้ว คนต่อไป แม่บ้านที่ชอบแบบส่งจดหมายให้เด็กอ่ะโดนแน่ ใครใจดีก็เตรียมจดชื่อได้เลย


Ms. v. Bernburg ทำอะไรไม่ได้ก็เลยได้แต่กลับไปเครียดอยู่ที่ห้องของตัวเอง แต่พอเปิดไฟก็ปรากฎ Manuela ยืนรออยู่ในห้องด้วยท่าทีซึมเศร้า พอ Manuela เดินเข้ามาหา Ms. v. Bernburg ก็ทรุดลงไปแทบเท้าทันที

ฉากนี้ Ms. v. Bernburg ก็ทำตัวไม่ถูกอีกเลย เพราะครูใหญ่สั่งห้ามไว้ว่าให้เข็มงวดกับ Manuela แต่ใจจริงตัวเองนั้นรู้สึกเป็นห่วงเด็กมาก ๆ อยากจะพูดดี ๆ รู้ตัวอีกทีก็ต้องเปลี่ยนมาดุ สลับไปมาอย่างนั้น “ทำไมพูดอะไรแบบนั้นล่ะ… ไม่ เธอต้องเข้มแข็งสิ”

(ยอมรับว่าสงสารตัวละครมาก โดยเฉพาะตัว Ms. v. Bernburg ห่วงก็ห่วงเด็ก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้)

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


Ms. v. Bernburg ก็เลยบอกว่าเธอจะไม่อยู่ที่นี่นานนักหรอก Manuela ก็เลยเสียใจมากที่ Ms. v. Bernburg จะลาออกแล้วไม่ได้เจอกันอีก Manuela ก็ถึงกับบอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ต่อ 

Ms. v. Bernburg ก็ถึงกับตกใจ “ทำไมพูดอะไรแบบนั้นล่ะ เธอยังมีทั้งชีวิตรออยู่ตรงหน้านะ" พอเผลอลืมตัวก็เปลี่ยนบทเลย "มีสติได้แล้ว!”

“ความรักของเธอที่มีต่อฉันมันผิด”

แล้ว Manuela ได้บอกเอาไว้ว่าอย่างนั้นก็คงเป็นคำลาครั้งสุดท้าย “ลาก่อน Ms. v. Bernburg ที่รัก”

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง

พอออกไปนอกห้องก็ถูกครูใหญ่เห็นพอดีว่าสองคนนี้แอบผิดคำสั่ง แต่ Manuela ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีกแล้วแค่ทำเมินเดินผ่านไป ครูใหญ่จึงบอกให้ Ms. v. Bernburg ตามไปที่ห้องเพื่อจะตำหนิอีกหน (ซวยอีกแล้ว)

Treskow ผ่านมาเจอ Manuela ตรงบันไดก็เข้ามาขอโทษ เพราะไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่ Manuela ก็ยังซึมต่อไป แล้วไปแอบนั่งซึมอยู๋ตรงอยู่ตรง ‘บันได’ นั่นเอง

Ms. v. Bernburg กับครูใหญ่ก็ปะทะฝีปากกันว่า “ไม่น่าจ้างเธอเข้ามาเลย แต่เพราะเคาน์เตสเป็นคนแนะนำมาหรอกนะเลยต้องรับ ๆ มา เพราะเธอน่ะไม่เคยเหมาะกับที่นี่ ฉันน่าจะไล่เธอออก”

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


จึงเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่มีความเห็นตรงกัน เพราะ Ms. v. Bernburg ก็กำลังจะออกพอดีและได้กล่าวตำหนิว่าวิธีการของครูใหญ่น่ะ มันใช้ไม่ได้ เด็ก ๆ ควรจะได้รับความรัก พวกเขาเป็นคนนะ ไม่ได้ไร้หัวใจ

Ms. v. Bernburg ก็เล่าถึงเหตุผลที่ตัวเองมาเป็นครูและยังทนยอมเป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้คือครั้งหนึ่งเธอเคยเห็นภาพของเด็กผู้หญิงบางคนที่ทนแบกโลกทั้งใบไม่ไหวอีกต่อไป จิตใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอไปยืนแขวนตัวเองอยู่ที่ราวบันได (คงจะโดนตึกตาย) และเธอไม่ต้องการให้มันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีก จึงตั้งปญิธานว่า ไม่ว่าจะชอบหรือไม่เธอจะอยู่ดูแลเด็ก ๆ ของเธอทุกคนให้ปลอดภัยด้วยความรัก

(ไม่รู้ว่าคนที่เล่าถึงนั้นเป็นเพื่อนที่รัก เป็นเด็กนักเรียนในอดีตหรือพูดถึงตัวเอง แต่เป็น some of girl)


ลั่นระฆัง

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


ในตอนนี้ Manuela ที่นั่งซึมอยู่ก็นึกออกแล้วว่าเธอจะทำอะไร เธอมองขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของบันไดแล้วเดินขึ้นไปพร้อมกับกล่าวบทสวด ขอให้พระเจ้ายกโทษให้ Ms. v. Bernburg “มันไม่ใช่ความผิดของเธอ ไม่ใช่บาปของเรา ยกโทษให้เธอ”

พอ Ms. v. Racket ไม่พบ Manuela ที่ห้องพยาบาลก็ออกตามหา แม่บ้านก็ไม่เห็นเพราะอยู่แต่ในครัว พอไปถามเพื่อน ๆ ก็ไม่มีใครเห็น ทุกคนเลยรู้ว่า Manuela หายตัวไป เด็กสาวทุกคนก็เลยวิ่งออกไปตรงทางเดินทั้งชุดนอนเพื่อตามหา Manuela

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง

ตอนนั้นระฆังก็ถูกสั่นขึ้นโดยเด็กสาวคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีอำนาจสั่นระฆัง ทุกคนวิ่งไปทุกที่ทั่วโรงเรียนทั้งชุดนอน ส่งเสียงดังทำผิดกฎระเบียบทั้งปวง

แล้วก็มีคนพบ Manuela ยืนเกาะอยู่ที่บันไดชั้นบนสุดนั่นเอง จากนั้น Ms. v. Bernburg ก็โผล่เข้ามาทัน ขอให้ทุกคนถอยออกไปแล้วพยายามดึงสติ Manuela ให้อยู่กับตัวเอง ขณะที่เด็กสาวอีกกลุ่มหนึ่งย่องเข้าไปจับตัว Manuela จากข้างหลัง

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


Manuela ก็เอาแต่ร้องว่า “ปล่อยฉัน ปล่อยฉันไป” 

Ms. v. Bernburg ก็รีบวิ่งขึ้นไปหา Manuela ข้างบน บอกให้ทุกคน “ปล่อย” Manuela

Manuela ก็หยุด พอ Ms. v. Bernburg เรียกชื่อ Manuela ด้วยท่าทีนั้นน่ะนะ Manuela ก็เป็นลมล้มพับไปเลย

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


สุดท้ายได้กลายเป็นจุดจบของครูใหญ่ผู้ต้องพ่ายให้กับความรัก ความเมตตาของ Ms. v. Bernburg ครูใหญ่ได้ ‘ยื่นมือ’ ไปจับมือของเด็กสาว Manuela ไว้ แล้วขอร้องให้ Ms. v. Bernburg อยู่ต่อเพื่อทุกคน

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง


“วันหนึ่ง Manuela จะพบเส้นทางของตัวเอง” Ms. v. Bernburg พูดกับครูใหญ่ก่อนจะดับไฟแล้วออกจากห้องไปทิ้งให้ Manuela นอนอยู่ตามลำพัง

ภาพยนตร์จบลงที่ภาพของครูใหญ่ ‘เดินลงจากบันได’ และค่อย ๆ เลือนหายไปตามทางเดิน

Girls in Uniform (1958) เล่าเต็มเรื่อง

อวสาน


Girls in Uniform

  • เป็นภาพยนตร์สร้างจากหนังสือนิยายชื่อ Gestern und heute เขียนโดย Christa Winsloe
  • Mädchen in Uniform หรือ Girls in Uniform ปี 1931 เป็นเวอร์ชั่นต้นฉบับและเป็นภาพยนตร์ขาว-ดำ กำกับโดย Leontine Sagan และ Carl Froelich
  • เวอร์ชั่นต้นฉบับของภาพยนตร์เรื่องนี้เคยถูกสร้างขึ้นมาเพื่อต่อต้านเผด็จการทหารในเยอรมันนี
  • ในเวอร์ชั่นต้นฉบับ Girls in Uniform เป็นหนึ่งในหนังเก่าที่สุดที่ปรากฏความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศ(อย่างชัดเจน)
  • ตามข้อมูลที่ปรากฏ Girls in Uniform เคยถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์มาแล้วทั้งหมด 4 ครั้ง

เราชอบที่เรื่องนี้มันให้ความรู้สึกว่ากลมกล่อมดี เป็นทั้งหนังดราม่า แต่ความดราม่านั้นก็สามารถวิพากษ์สังคมของเยอรมัน(โดยเฉพาะในยุคนั้น)ได้ดีอีกด้วย ทั้งความเผด็จการ ทหาร ไปจนถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว

ความอะไรบางอย่างที่กระทำกับผู้ชายทองเหลืองทั้งหลาย มันได้กระทำกับผู้หญิงเหล่านี้ด้วย แล้วตัวเรื่องไม่มีตัวละครชายปรากฎเข้ามาเลย แต่กลับรู้สึกว่ามีผู้ชายอยู่ทุกที่

ในเวอร์ชั่นหนังต้นฉบับก็เล่าเรื่องราวเหมือนกันนี่แหละ แต่ต่างรายละเอียดกันนิดหน่อย เป็นหนังขาวดำที่มีความเป็น german expressionism สูงมาก ราวบันไดกระแทกตาสุด ๆ จะมีความล้อเผด็จการทหารสูงกว่าเรื่องนี้มาก(ยังขี้เกียจเขียนอยู่)

ก่อนมาติดเวอร์ชั่น 1958 ชอบเวอร์ชั่นเก่า 1931 มาก ๆ หนังมันดูหาเรื่องดี แต่อย่าง 1958 ที่ต่างออกไปและต้องขอชมเลยคือบทดี การร้อยเรียงเรื่องราวและสัญญะทุกอย่างเข้ากันดี ด้วยภาพด้วยการแสดง รักเลย จะมีความละเอียดละออกกว่าปี 1931 ที่ดูมาคนละแนว จะนิ่มนวลกว่า

Later, Alligator
แล้วเจอก่อน

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น