Quixote de la Mancha ดอนกิโฆเต้แห่งลามันช่า อัศวินแห่ง The Platform (2020)

Quixote de la Mancha ดอนกิโฆเต้แห่งลามันช่า อัศวินแห่ง The Platform (2020)

บทความนี้จะมาพูดถึงเนื้อเรื่องคร่าว ๆ ของ “ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า ขุนนางต่ำศักดิ์นักฝัน” (El ingenioso hidalgo don Quixote de la Mancha) วรรณกรรมสเปนอันยิ่งใหญ่ระดับโลกที่ปรากฏอยู่ในหนังเรื่อง The Platform (2020)

เอาจริง ๆ ก็เคยพยายามอ่านแล้วแต่ได้แค่หน้าสองหน้าเพราะหนังสือเล่มหนามากอ่านไม่ไหว ง่วง

แล้วมาเขียนทำไมเนี่ย!? ก็เคยดูที่เป็นละคร(เวที) เรื่องสู่ฝันอันยิ่งใหญ่ หรือ Man of La Mancha จริง ๆ เรืองนี้ก็มีหนังด้วยแหละ แต่ก็ไม่เคยดูเหมือนกัน ก็เห็นตัวเรื่องของ The Platform มันได้มาจาก “ดอนกิโฆเต้” เลยลองมาเขียนเทียบเคียงดู

เราว่าสิ่งที่ทำให้เรื่องของ “ดอนกิโฆเต้” ยิ่งใหญ่จนถึงปัจจุบันและครองใจผู้คนมากมายคงเป็นความมุ่งมั่นที่มีชีวิตชีวาของตัวละคร ความฝัน ความหวังและอุดมการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างไปสู่ความยุติธรรมหรือหนทางดีขึ้น อ่านแล้วคงทำให้รู้สึกฮึกเหิม (ก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะอ่านไปแค่สองหน้า) แต่บทเพลงสำหรับเรื่องนี้ฟังแล้วฮึกเหิม ด้วยเพราะเรื่องราวของ “ดอนกิโฆเต้” มันทำให้เรามีความหวังถึงสิ่งที่ดีขึ้นนั้นเอง ฮึกเหิม ๆ

ลองไปฟังดูชื่อเพลงว่า “สู่ฝันอันยิ่งใหญ่” (เห็นมีอยู่ในยูทูปด้วย)


ดอนกิโฆเต้

ดอนกิโฆเต้เป็นวรรณกรรมที่เกี่ยวกับอัศวินซึ่งเขียนโดย “มิเกล เด เซบันเตส” เมื่อ 400 กว่าปีที่แล้วหลังเขาเป็นทหารและถูกคุมขังในคุก เนื้อเรื่องเล่าถึงขุนนางชื่อ “อลองโซ กีฆาน่า” ขุนนางแก่ ๆ จน ๆ ที่อ่านนิยายอัศวินมากไปจนเป็นบ้า(มิเกลคงเอาตัวละครมาจากตัวเอง) ฟั่นเฟืองคิดว่าตัวเองเป็นอัศวินเหมือนในนิยายจะออกไปผดุงความยุติธรรม ช่วยเหลือผู้ถูกกดขี่ แล้วก็ตั้งสมญานามให้ตัวเองใหม่เป็น “ดอนกิโฆเต้แห่งลามันช่า” จากนั้นก็เอาชุดอัศวินเก่า ๆ ปลอม ๆ ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเองมาใส่แล้วก็ควบม้า “โรสินันเต้” ผอมแห้งขี้โรคออกไปผจญภัย

ระหว่างการเดินทางดอนกิโฆเต้ก็ได้ “ซันโช่ ปันซ่า” มาเป็นข้ารับใช้ เพื่อร่วมเดินทางไปในการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่นี้ ทีนี้พอเป็นอัศวินก็ต้องมีโฉมงามในดวงใจ ดอนกิโฆเต้ก็แต่งตั้งโฉมงามของตัวเองขึ้นมาชื่อ “ดุลสิเนอา” หวานใจ เขาว่าเป็นผู้หญิงที่มีขนหน้าอก ถ้าตามเข้าใจก็คงไม่ใช่โฉมงามอย่างที่ดอนกิโฆเต้เปรยปรายไว้ พอครบถ้วนกระบวนสิ่งที่อัศวินสมควรจะมี ดอนกิโฆเต้ก็ออกผจญภัย ทีนี้ลองนึกภาพคนที่เชื่อว่าตัวเองเป็นอัศวินจริง ๆ เห็นอะไรก็คิดว่าเป็นศัตรูแล้วเข้าไปสู้อย่างจริงจัง คนทั่วไปก็คงคิดว่าเป็นบ้า

เราไม่แน่ใจว่าในหนังสือปรากฎบทบาทของดุลสิเนอาไว้ยังไง เพราะอย่างที่บอกอ่านไปสองหน้า …แต่จะขออ้างอิงจากในละครเวทีซึ่งคงไม่ต่างกันมาก ตัวดอนกิโฆเต้ที่ฟั่นเฟื่องจะชื่นชมความงามของดุลสิเนอาไว้ประเสริฐเกินจริง สุดท้ายตัวโฉมงามคนนี้ก็ถูกปู้ยี่ปู้ยำ เปรียบเปรยว่าเป็นการถูกฉุดไปสู่ความต่ำตมที่สุดของการเป็นสตรี (ถูกข่มขื่น) ตรงข้ามกับความสูงส่งที่ดอนกิโฆเต้มักเชิดชู

ดูสิ้นหวังเนอะ แต่ตัวดอนกิโฆเต้กลับเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยความหวังและอุดมการณ์ ถึงตรงนี้คงเริ่มคุ้นแล้วว่ามันเป็นคาแรคเตอร์ของคนบ้าที่เชื่อว่าตัวเองจะเปลี่ยนแปลงโลกได้ แต่แอบชวนให้นึกถึงการ์ตูนเรื่อง CoCo ยังไงพิกล 5555 เหมือนจริง ๆ ลองนึกภาพตาม….มิเกลต่อสู้เพื่อเสียงดนตรีไปกับเจ้าหมาดันเต้สุดยอดอาชานัยผู้นำทางและได้พบคู่หูระหว่างทางชื่อเฮคเตอร์ เพื่อช่วยเหลือโฉมงามในดวงใจ คุณย่าโคโค่ เห็นม่ะ เหมือนจะตาย

นั่นเพราะดอนกิโฆเต้ เป็นต้นฉบับของตัวละครและเนื้อเรื่องในยุคหลังถัดมา ๆ อีกหลายต่อหลายเรื่อง เป็นต้นแบบของผู้มีหัวใจแห่งการต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ ความบ้าบิ่นและการเชื่อมั่นในสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้ จึงไม่แปลก อย่างในเรื่อง The Platform เองก็แทบจะถอดแบบมาจากวรรณกรรมชั้นครูนี้เลยทีเดียว


The Platform

The Platform ในฐานะที่เป็นหนังสเปนก็สร้างเรื่องราวและตัวละครขึ้นมาเชิดชูต้นฉบับอย่างดอนกิโฆเต้ ชายผู้ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและผู้ถูกกดขี่ มันคงเป็นดอนกิโฆเต้ในยุคสมัยใหม่ หากสังเกตดูดี ๆ ก็จะเห็นว่าตัวละครมีความคล้ายคลึงกัน …โกแรงก์ที่อ่านนิยายดอนกิโฆเต้จนหลงเชื่อว่าตัวเองเป็นผู้ปฏิวัติเพื่อความยุติธรรม แล้วลุกขึ้นมาต่อสู้กับระบบซึ่งใคร ๆ ก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ระบบมันไม่มีหัวใจ เราทำได้แค่เห็นใจกันอยู่ในระบบที่กดขี่นี้เท่านั้น จนได้พบบาฮารัชมาร่วมกระบวนการ ในขณะนั้นก็มีมีแม่หญิงมิฮารุ ที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าเป็นบ้า แต่โกแรงก์ก็ยังเชื่อมั่นและชื่นชมในตัวเธอ ไปสู่การพยายามเปลี่ยนแปลงเพื่อความยุติธรรมที่แท้จริงและสู้เพื่ออุดมการณ์จนตัวตาย

เราบอกไม่ได้หรอกว่าความมุ่งมั่นและอุดมการณ์ของโกแรงก์หรือดอนกิโฆเต้เป็นความบ้าหรือฟั่นเฟือนไหม แต่เราว่าในหัวใจของทุกคนก็คงใฝ่หาความยุติธรรมและปลดแอกเราจากการกดขี่ทั่งปวง โกแรงก์หรือดอนกิโฆเต้คือคนที่กล้าตื่นขึ้นสู้กับความอยุติธรรมกับระบบที่ใคร ๆ ก็เห็นว่ามันเป็นไปไม่ได้ จึงไม่แปลกที่คนแบบดอนกิโฆเต้หรือโกแรงก์จะถูกมองว่าเป็นบ้า ลงมือทำอะไรบ้า ๆ แล้วก็ฟั่นเฟือน แต่สุดท้ายก็เพราะอุดมการณ์บ้า ๆ ของคนเหล่านี้แหละที่เปลี่ยนแปลงโลกได้จริง ๆ

พอลองมองย้อนกลับมาในสถานการณ์ปัจจุบัน เราว่าช่วงหลังมานี้มีผู้คนที่มีหัวใจต่อสู้เหมือน “ดอนกิโฆเต้” ปรากฎขึ้นมากมาย อันที่จริงแล้วก็ปรากฎอยู่ในทุกยุคทุกสมัย ผู้คนที่ยังเชื่อมั่นในความยุติธรรมและความถูกต้อง มีความฝันลม ๆ แล้ง ๆ และลงมือสู้อย่างไม่ลดละถอยเหมือนไฟแห่งความเชื่อมั่นที่ถูกจุดอยู่ในหัวใจของดอนกิโฆเต้เมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว เราในฐานะผู้ชม ผู้อ่านหรือมนุษย์คนหนึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่าความฝันที่ถูกมองว่าเป็นฝันลม ๆ แล้ง ๆ แบบนี้แหละที่ยังทำให้มนุษย์เรามีชีวิตและชีวา มีความหวังบนความสิ้นหวัง (หยุดตรงนี้ก่อนที่จะเข้าเรื่องการเมือง)


แถมด้วย COCO

ถ้าหากไม่อยากพูดถึงความยุติธรรมให้มากความเกินไปก็ลองนึกถึงอะไรที่สดใสวัยเด็กกว่านั้นอย่างโคโค่ดูสิ อย่างน้อยความฝันก็เป็นอุดมการณ์ที่ทำให้โคโค่ต่อสู้เพื่อเสียงดนตรี นั่นแหละสิ่งที่ทำให้มนุษย์เรามีชีวิตชีวา นั่นคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงโลกได้ เป็นสิ่งเปลี่ยนแปลงตัวเราได้ อดุมการณ์มันอาจกินไม่ได้ แต่การมีกินแบบไร้ซึ่งอุดมการณ์มันก็คงดูว่าเปล่าเหลือเกิน ผู้อดอยากที่สุดยังต่อสู้เพื่อหลุดพ้นจากวันที่อดอยาก จริงไหม? คนทำงานก็ยังนึกถึงสิ่งที่รักและความฝันวัยเด็ก จริงไหม? เราทุกคนต่างต่อสู้เพื่อความฝันที่ดูเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ของอนุญาตกลับไปใช้ชีวิตห่อเหี่ยวตามเดิมในรูหนูต่อไป ด้วยรักและสวัสดี

Look
We're square. Nothing owed, nothing left to say
แล้วเจอกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม
Ted หัวข้อ ทำไมคุณควรอ่าน “ดอนกิโฆเต้” – เอียน สตาแวนส์

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น